สกลนคร - พ่อค้าหัวใสตระเวนรับซื้อข้าวนาปรังแบบเหมาซื้อถึงไร่ตกกิโลกรัมละ 7 บาท ชาวนาจำใจขายเพราะหวั่นฝนตกจะสร้างความชื้นและเสียหาย นอกจากนี้ยังซื้อข้าวเขียวตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาฯในราคาหมื่นละ 50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ข้าวนาปรังในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ว่า ขณะนี้นาข้าวนาปรังส่วนใหญ่กำลังสุกเหลืองอร่าม รอการเก็บเกี่ยว และที่ยังเขียวขจีอีกจำนวนมาก แต่คาดว่า ไม่เกินสิ้นเดือนหน้าข้าวทั้งหมดจะถูกเก็บเกี่ยว โดยในการเก็บเกี่ยวนั้นชาวนาจะไม่จ้างแรงงานคนเนื่องจากเห็นว่าสิ้นเปลืองมากกว่าจ้างเครื่องจักร เพราะการจ้างแรงงานคนนอกจากได้งานน้อยแล้ว ยังยุ่งยากในการตากข้าว นวดข้าว ซึ่งสิ้นเปลืองเงินและเวลาแล้ว ยังต้องเลี้ยงข้าวปลาอาหาร ทำให้ราคาค่าจ้างต่อไร่ก็สูงกว่าเครื่องจักร โดยเครื่องจักรหรือรถเกี่ยวข้าวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายไร่ละ 600 บาท ชาวนานั่งรอข้าวไปขายได้เลย
หรือไม่ก็มีผู้ประกอบการมารับซื้อถึงที่ก็มี สำหรับเครื่องจักร หรือรถเกี่ยวข้าว ในพื้นที่ไม่เพียงพอ เพราะข้าวนาปรังมีพื้นที่เพาะปลูกมาก ดังนั้น พ่อค้าจึงนำเครื่องจักรจากจังหวัดสุพรรณบุรี มาให้บริการตระเวนไปตามอำเภอต่างๆ มีรายได้วันละหลายหมื่นบาทเช่นกัน
นายประไพ วะดาพรหม ชาวนารายหนึ่งในตำบลขมิ้น อำเภอเมืองสกลนคร บอกว่า ตอนนี้มีพ่อค้ามารับซื้อถึงไร่ในราคาหมื่นละ (12 กก.) ในราคา 84 บาท เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ค่อยดีนัก โดยพ่อค้าอ้างว่าเป็นข้าวเปียก ดังนั้น ตอนนี้ชาวนาทุกคนก็กำลังเก็บเกี่ยวจึงแย่งกันขาย
เกรงว่าหากไม่เก็บเกี่ยวและขายตอนนี้ เกรงว่า หากพายุฝนเข้ามา ต้นข้าวที่กำลังออกรวงสุกงอมรอการเก็บเกี่ยว จะเกิดความชื้นและเสียหายได้ จึงต้องจำใจขายแม้จะถูกกดราคาก็ตาม นอกจากนี้ยังมีชนิดที่พ่อค้า ตระเวนออกไปติดต่อซื้อตั้งแต่ข้าวยังเขียวๆอยู่ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือตอนต้นปีให้ราคาไร่ละ 1 หมื่นบาทเศษ หรือแล้วแต่จะตกลงกันเช่น 1 ไร่ให้ราคาตอนนั้นหมื่นละ 50 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 4 บาทเศษ
โดยทั้งคนซื้อและคนขายมีความเสี่ยงพอๆ กัน โดยคนซื้อเสี่ยงกับน้ำท่วม หรือเมล็ดข้าวไม่โต คนขายก็เสี่ยงในเรื่องราคา แต่ที่ดีก็คือมีความเดือดร้อนเรื่องเงิน เมื่อขายในตอนต้นปีก็ได้เงินไปเลย