เชียงราย - ปภ.เชียงรายจับตาปริมาณน้ำฝนในหลายอำเภอพบว่ายังไม่ถึงขั้นทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากได้ แต่ยังเฝ้าจับตาอยู่ โดยพายุไซโคลน “นาร์กีส” ที่พัดขึ้นฝั่งในประเทศพม่า คาดว่า จะเริ่มอ่อนกำลังลง
วันนี้ (4 พ.ค.) นายณรงค์ อินโส ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากอิทธิพล พายุไซโคลน “นาร์กีส” ที่พัดขึ้นฝั่งในประเทศพม่าตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ทำให้มีฝนตกหนักในจังหวัดเชียงรายทุกอำเภอเมื่อคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ แต่ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำกก, แม่น้ำโขง และจุดที่เคยมีน้ำท่วมขังเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2551 ที่ผ่านมา อาจมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมาก แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อประชาชน และยังต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง ซึ่งพายุเริ่มอ่อนแรงลงและฝนน่าจะน้อยลงในวันที่ 5 พ.ค.นี้
สำหรับเมื่อคืนวันที่ 3-4 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ที่มีฝนตกหนักที่สุด คือ อ.ป่าแดด ปริมาณน้ำฝน วัดได้ 64 มม., อ.พญาเม็งราย 50 มม., อำเภอแม่ฟ้าหลวง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 47 มม.และ อ.เมืองเชียงราย วัดปริมาณน้ำฝนได้ราว 35 มม.ซึ่งยังถือว่าปริมาณฝนไม่สูงมากนัก
วันนี้ (4 พ.ค.) นายณรงค์ อินโส ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากอิทธิพล พายุไซโคลน “นาร์กีส” ที่พัดขึ้นฝั่งในประเทศพม่าตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ทำให้มีฝนตกหนักในจังหวัดเชียงรายทุกอำเภอเมื่อคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ แต่ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำกก, แม่น้ำโขง และจุดที่เคยมีน้ำท่วมขังเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2551 ที่ผ่านมา อาจมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมาก แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อประชาชน และยังต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง ซึ่งพายุเริ่มอ่อนแรงลงและฝนน่าจะน้อยลงในวันที่ 5 พ.ค.นี้
สำหรับเมื่อคืนวันที่ 3-4 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ที่มีฝนตกหนักที่สุด คือ อ.ป่าแดด ปริมาณน้ำฝน วัดได้ 64 มม., อ.พญาเม็งราย 50 มม., อำเภอแม่ฟ้าหลวง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 47 มม.และ อ.เมืองเชียงราย วัดปริมาณน้ำฝนได้ราว 35 มม.ซึ่งยังถือว่าปริมาณฝนไม่สูงมากนัก