เชียงราย – อดีตประธานชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ เชียงของ วอนพรานปลาหลุดล่าปลาบึกในลำน้ำโขง หลังจับได้ครบ 2 ตัวตามกำหนด ระบุสังคมกำลังจับตามองอย่างหนักหลังปีก่อนประกาศเลิกล่าปลาบึกโดยได้รับเงินชดเชยจากกลุ่มอนุรักษ์ครบแล้ว พร้อมทั้งมีการส่งเสริมอาชีพทดแทน
นายพุ่ม บุญหนัก อดีตประธานชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ตามที่ชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ นำโดย นายพิสิทธิ์ วรรณธรรม หรือ ปุ๊ ประธานชมรมปลาบึก อ.เชียงของ ได้บวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และออกล่าปลาบึกในปี 2551 โดยกำหนดว่าจะล่าปลาบึกในแม่น้ำโขงเพียง 2 ตัวนั้น โดยเมื่อวันที่ 28 เม.ย.51 พรานปลาบึกชาวไทย ได้จับปลาบึกตัวแรกเพศเมีย หนัก 180 ก.ก. และ ต่อมา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.พรานไทยจับปลาบึกได้ตัวที่ 2 หนัก 220 ก.ก. จึงถือว่าจับปลาบึกได้ครบแล้ว 2 ตัว ตามที่กำหนด
อย่างไรก็ตามตนรู้สึกไม่สบายใจที่ยังมีข่าวว่าจนถึงขณะนี้ยังมีพรานปลาบางคนยังแอบลงอวนหรือ มอง ในตอนกลางคืนเพื่อล่าปลาบึกอยู่ ซึ่งขัดกับการประกาศของประธานชมรมปลาบึก บ้านหาดไคร้ อ.เชียงของ และทำให้เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดเชียงราย และสถานีประมงน้ำจืด จ.เชียงราย ไม่สบายใจ เพราะเกรงผลกระทบที่จะตามมา
ก่อนหน้านั้นตนเคยได้รับโทรศัพท์สอบถามมามากเกี่ยวกับการออกมาล่าปลาบึกอีก ทั้งที่เมื่อปี 2549 สมัยตนเป็นประธานชมรมปลาบึก ได้ประกาศเลิกล่าไปแล้ว ซึ่งขอชี้แจงด้วยว่าการที่ชาวประมงหาดไคร้มีการขายมอง 68 ปาก ให้กับกลุ่มอนุรักษ์และกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ ส.ว.เชียงราย ในขณะนั้นเป็นผู้ประสานงาน โดยเงินทั้งหมดชาวบ้านก็ได้รับไปครบแล้วคนละ 20,000 บาท มีเพียงประธานชมรมปลาบึกคนปัจจุบันที่ไม่มารับ และเงินก็อยู่เป็นกองกลางของชมรม
ส่วนการหาอาชีพใหม่ให้กับพรานปลา ก็มีการมอบวัวจากปศุสัตว์ให้กับชาวบ้านมาแล้วราว 15-16 ตัว ส่วนที่เหลือไม่มาลงชื่อจึงไม่มีการมอบต่อ แต่เมื่อมีการมาประกาศล่าปลาบึกอีกในปี 2551 โดยกำหนดโควตา 2 ตัว ก็ทำให้สังคมเริ่มจับตา และตนห่วงว่าหากยังมีการล่ากันต่อไป จะทำให้ผิดข้อตกลงที่ประกาศไว้ และจะนำปัญหานี้หารือในที่ประชุมหมู่บ้านในเร็วๆ นี้
สำหรับเนื้อปลาบึกที่มีการจับได้ปลาตัวแรก ขายได้ ก.ก.ละ 350-400 บาท ส่วนตัวที่สองที่จับได้เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ทราบว่าขณะนี้ปลาตายแล้ว เพราะบอบช้ำมาก และยังไม่มีผู้มาติดต่อขอซื้อ เนื่องจากปัจจุบันเนื้อปลาบึกเลี้ยง มีวางขายตามตลาดสดทั่วไป ราคา ก.ก.ละ 150-200 บาท เท่านั้น ทำให้เนื้อปลาบึกที่ล่าได้ตามธรรมชาติได้รับความนิยมน้อยลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีจึงทำให้อาจมีผู้ยอมจ่ายเงินลดลง จึงอยากวอนให้พรานปลาบึกยุติการล่าปลาบึกในฤดูกาลปี 2551 นี้โดยทันที เพื่อรักษาชื่อเสียงของชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ และชาว อ.เชียงของไว้ และเชื่อว่าปีนี้การท่องเที่ยวได้ประโยชน์พอสมควรแล้วจากการบวงสรวงและออกล่าปลาบึกเพราะมีผู้คนสนใจมาชมจำนวนมาก