น้ำมันแพงพ่อค้าผักรายย่อยโอดรายได้หดหวั่นรายห้างใหญ่ผูกขาดตลาด

อุบลราชธานี - อนาถเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ผจญกรรมราคาน้ำมันแพงกดดันพ่อค้าขายส่งผักรายย่อยรายได้หด ชี้อนาคตไร้พ่อค้ากลุ่มนี้ ผู้บริโภคได้กินผักแพงตามซุปเปอร์มาเก็ตแน่นอน

ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานีรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบไม่เฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเดินรถโดยสาร แต่มีผลถึงพ่อค้าแม่ค้าขายส่งผักที่ใช้รถบรรทุกนำผักจากสวนมาจำหน่ายที่ตลาดค้าส่งในตัวจังหวัด นายวิวัฒน์ แก้วสง่า พ่อค้าขายส่งผักกะหล่ำปลีก ซึ่งรับซื้อจากแปลงปลูกของเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว มาขายที่ตลาดกลางอำเภอวารินชำราบระบุว่า ประกอบอาชีพขายส่งผักที่มีแหล่งเพาะปลูกจากประเทศเพื่อนบ้านและในจังหวัดมาหลายปี โดยที่ผ่านมามีรายได้จากการค้าผักเฉลี่ยวันละ 2,000 บาท

แต่เมื่อน้ำมันดีเซลมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อ 2 ปีก่อนทำให้มีกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถกำหนดราคาการซื้อขายให้เป็นไปตามกลไกของตลาด โดยการผลักภาระค่าใช้จ่ายจากการใช้น้ำมันในการขนส่งให้กับผู้บริโภค เนื่องจากภาวการณ์ค้าขายปัจจุบันอยู่ในสภาพตรึงตัว ลูกค้าสั่งซื้อผักตามความจำเป็นที่ใช้

โดยไม่มีการสำรองผักไว้ใช้ในวันต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดทุน กลุ่มพ่อค้าขายส่งต้องระบายผักที่นำมาขายให้หมดทุกวัน ทำให้มีการตั้งราคาขายสูงกว่าต้นทุนเล็กน้อย

นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ผักที่ตนนำมาจำหน่ายเฉลี่ยวันละกว่า 3 ตัน เดิมมีกำไรจากการขายส่งเฉลี่ยตันละ 700 บาท แต่เมื่อน้ำมันที่เป็นต้นทุนการขนส่งมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้เหลือกำไรเฉลี่ยเพียงตันละ 300-400 บาท ทุกวันนี้พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้นึกถึงกำไรเหมือนในอดีต ขอขายสินค้าให้หมดก็จะไม่เสี่ยงต่อการขาดทุน

หากรัฐบาลไม่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าขนส่งได้ อนาคตอาจเหลือพ่อค้าขายส่งผักรายย่อยที่ตลาดแห่งนี้ไม่กี่ราย และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องซื้อผักราคาแพงตามซุปเปอร์มาเก็ตมาบริโภค พ่อค้าขายส่งผักรายนี้กล่าว