xs
xsm
sm
md
lg

ฝนฟ้าพิโรธบ้านหรู หนุ่มโตโยต้าไหม้เกรียมทั้งหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - ฝนฟ้าปีนี้มาแปลกพิลึก ซัดตูมสนั่นบ้านไม้สักทองทั้งหลังลุกเป็นไฟ ทำหนุ่มโตโยต้าหงอยไม่เหลืออะไรติดเนื้อตัว แม้แต่เสื้อผ้าใส่ซุกหัวนอน ขณะภาครัฐระบุมีงบเจียดให้เป็นเงินช่วยเหลือแค่รายละ 3 หมื่นบาท

วานนี้( 24 เม.ย.51) เวลา 15.30 น. นายไกรศิริ นพศิริ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/7 ม.7 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ชาวหมู่บ้านแปลงตระกร้อ หนุ่มใหญ่พนักงานฝ่ายผลิตและจัดส่ง บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ ในนิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ ซิตี้ อ.แปลง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า บ้านพักของตนซึ่งปลูกสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มูลค่ากว่า 5 แสนบาท (ราคาเฉพาะค่าวัสดุเมื่อ 5 ปีก่อน) ได้ถูกฟ้าผ่าลงมาใส่ จนเกิดเป็นไฟลุกไหม้เสียหายไปหมดทั้งหลัง

หลังจากได้เกิดลมพายุฝนฟ้าคะนองพัดผ่านมา และได้เกิดฟ้าผ่าลงมาใส่ตัวบ้านของตน ซึ่งขณะเกิดเหตุ ตนและภรรยา (นางพวงเพ็ญ นพศิริ อายุ 34 ปี) ออกไปทำงานในโรงงาน ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ทราบแต่เพียงจากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้านว่า ขณะเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง สายฟ้าแรงมาก มีประกายแลบอย่างเกรี้ยวกราดเป็นสาย อยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะผ่าลงมาใส่แผงเสาอากาศโทรทัศน์ ที่อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 6 เมตร ในระดับใกล้เคียงกับหลังคาบ้าน ดังตูมสนั่น จนมองเห็นเสาแป็บ Tv ลุกแดงเป็นไฟทั้งต้น จากนั้นจึงได้เกิดกลุ่มควันและประกายไฟลุกไหม้เกิดขึ้นจากภายในบ้าน เพียงแค่ 20 นาที ไฟก็ได้ลุกลามเผาไหม้บ้านไม้สักจนหมดทั้งหลัง กลายเป็นเถ้าถ่าน ก่อนที่รถดับเพลิงประจำ อบต.ในท้องถิ่นจะมาถึง

ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะข้าวของเครื่องใช้ถูกไฟไหม้เสียหายจนหมด ไม่มีเหลือแม้แต่เสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนใส่นอนในวันนี้ จึงได้ขอลาหยุดงานเก็บข้าวของมีค่าที่อาจยังคงหลงเหลืออยู่ในกองเถ้าถ่านบ้าง และก็มีเพื่อนๆ ทยอยกันเข้ามาแวะเยี่ยม และซื้อเสื้อผ้ามาฝากให้สวมใส่ ส่วนทางด้านหน่วยงานราชการนั้น ได้มีทาง อบต.วังเย็น และทางอำเภอแปลงยาว เข้ามาดูแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นพูดบอกว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

ขณะที่ นายพัลลภ นักเจริญ ปลัดอำเภอแปลงยาว ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายอำเภอที่ลาป่วย กล่าวว่า สำหรับเหตุภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับประชาชนในเขตพื้นที่ อ.แปลงยาว จนทำให้บ้านเรือนของราษฎรถูกพายุพัดหลังคาได้รับความเสียหายจำนวน 190 หลัง เสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และถูกฟ้าผ่าจนเกิดไฟลุกไหม้จำนวน 1 หลัง นั้น ทางอำเภอมีงบประมาณช่วยเหลือสูงสุดเพียงรายละไม่เกิน 3 หมื่นบาทเท่านั้น ไม่ว่าเหตุร้ายจากภัยธรรมชาติ จะเกิดขึ้นรุนแรงอย่างไรก็ตาม ซึ่งรายล่าสุดที่ถูกฟ้าผ่าจนไฟลุกไหม้บ้านนั้น ตนก็ได้เข้าไปตรวจสอบดูแล้ว และพบว่าเสียหายมากกว่าร้อยละ 90 หรือเกือบหมดทั้งหลัง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการให้การช่วยเหลือตามขั้นตอน และรายงานให้แก่ทางจังหวัดทราบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบ้านหลังที่เกิดเหตุนั้น ปลูกสร้างอยู่กลางที่โล่งแจ้งในไร่มันสำปะหลัง ด้วยไม้สักทองทั้งหลังแบบชั้นเดียวยกพื้นสูง หลังคา และแผ่นฝ้ามุงกระเบื้องยิบซัมสีฟ้า ภายในตกแต่งด้วยไม้สักทั้งหมด ส่วนด้านหลังห้องครัว และโรงรถ ต่อเติมด้วยคอนกรีตกึ่งไม้ ถูกเพลิงเผาไหม้จนเป็นเถ้าถ่านเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกอีกว่า ในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณดังกล่าว มักจะเกิดฟ้าผ่าลงมาบ่อยครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ยังไม่มีใครเคยพบเห็นว่าฟ้าจะผ่าใส่บ้านคนจนเกิดเป็นไฟลุกไหม้ โดยระบุว่าเพิ่งเคยพบเกิดขึ้นรายนี้เป็นรายแรก ตั้งแต่เกิดมาจนตลอดชั่วชีวิต

กำลังโหลดความคิดเห็น