ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทัพเรือสั่งสุนัขทหารตรวจเข้มเรือหลวงนราธิวาส และเรือหลวงศรีราชา ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ เยือนเมืองท่าโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เชื่อสัมพันธ์ทางทหาร เสริมความมั่นคงแนวชายแดน
พลเรือโทชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้บัญชาการ กองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เผยว่า ทางกองทัพเรือได้ทำพิธีส่งเรือหลวงนราธิวาส และเรือหลวงศรีราชา พร้อมกำลังพล ณ ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ โดยมี พลเรือตรี ผจญ รามโกมุท ได้รับมอบหมายให้เป็น ผู้บังคับหมู่เรือเดินทาง และรองผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนกองทัพเรือในการไปเยือนประเทศเวียดนาม โดยเรือรบทั้ง 2 ลำ จะจอดเทียบ ณ ท่าเทียบเรือโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
สำหรับหมู่เรือเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามในปีนี้ เป็นการส่งกำลังพลไปเชื่อมสัมพันธไมตรีทางทหาร อีกทั้งเป็นการเสริมความมั่นคงแนวชายแดน เขตติดต่อ และประเทศเพื่อนบ้านซึ่งสัมพันธภาพอันดีต่อกันเสมอมา ซึ่งประเทศเวียดนามเปรียบเสมือนประเทศเมืองพี่เมืองน้อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางด้านการทหารที่ผ่านมามีการตรวจร่วมกันทางทะเลตามแนวชายแดนเขตติดต่อเป็นประจำ ถ้ามีอุปสรรคข้อขัดข้องก็จะให้ความช่วยเหลือกันเสมอมา
พลเรือโทชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางทหารแล้ว ยังเป็นการฝึกภาคทะเลสาขาต่างๆ โดยเฉพาะการฝึกเดินเรือระหว่างประเทศของข้าราชการ การฝึกช่วยเหลือผู้ประสบภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งการเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามครั้งนี้ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนปรึกษาหารือระหว่างประเทศ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อีกทั้งได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่ของประชาชนที่พักอาศัยตามแนวชายแดน เพื่อหาทางพัฒนาความเป็นอยู่ให้เจริญยิ่งขึ้นไป และสร้างความปลอดให้ให้ประชาชนที่อยู่ให้พ้นจากอันตรายของผู้ก่อการร้าย
ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทาง กรมสรรพวุธทหารเรือได้นำสุนัขทหารจำนวน 2 ตัวขึ้นบนเรือหลวงนาราธิวาส และเรือหลวงศรีราชา เพื่อทำการตรวจค้นหาวัตถุระเบิด และสิ่งผิดกฎหมายที่อาจจะถูกซุกซ่อนอยู่ภายในเรือ เพื่อสร้างความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อเรือเข้าเทียบท่า อันจะก่อให้เกิดเสถียรภาพความมั่นคงระหว่างประเทศได้ จึงต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด
พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ โยนกพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ก็ได้ร่วมออกเดินทางเยือนท่าโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ในครั้งนี้ด้วย เพราะถือว่าจังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย จึงถือโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดและได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของประเทศเวียดนาม เพื่อจะได้นำกลับมาพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญก้าวทันต่อสภาวะโลกในปัจจุบัน
