ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตร.พัทยาประสานสถานฑูตเกาหลี รุดตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดเหตุฆ่าสองนักเที่ยวสาวแดนโสม ยังเชื่อเป็นการฆาตกรรม แต่ต้องรอผลชันสูตรจากนิติเวช ก่อนฟันธงว่าโดนฆ่าตายหรือฆ่ากันเอง
จากกรณีพบศพนักท่องเที่ยวสาวชาวเกาหลีจำนวน 2 ศพ บริเวณโขดหินพื้นที่รกร้างว่างเปล่าหาดท่าไร่ ชุมชนบ้านเกาะล้าน เมืองพัทยา ม.7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 13 จ.ชลบุรี เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เวลา 11.00 น.วันนี้ (12 เม.ย.51) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ประสานเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศเกาหลี ประจำประเทศไทย นำกำลังลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อเก็บรายละเอียด และรวมรวบข้อมูลทั้งหมด โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่าทั้ง 2 ไม่ได้เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ใด โดยเดินทางมาท่องเที่ยวกันเองเพียง 2 คน และไม่มีข้อมูลการติดต่อขอจองห้องพักบนเกาะแต่อย่างใด
ตรงจุดนี้เชื่อได้ว่าทั้งคู่คงเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะล้านแล้วเดินทางกลับภายในวันเดียว ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ว่าบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชนเป็นอย่างมาก การจะเดินทางเข้ามาบริเวณดังกล่าวก็ค่อนข้างยากลำบากเพราะเป็นพื้นที่รกทึบ การพบศพบริเวณนั้นจึงเป็นที่น่าฉงนและน่าติดตาม
ชุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลในที่เกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเดินทางกลับ
กรณีดังกล่าว พ.ต.ท.สุเมธ หาญวิสัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นยังไม่ตัดประเด็นฆาตกรรม แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่ามาจากสาเหตุใดว่าจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์หรือฆ่ากันเอง เพราะสภาพศพมีความขัดแย้งกันเองหลายอย่าง
ทั้งนี้รอยแผลที่ศีรษะซึ่งทางกองวิทยาการระบุว่าเป็นการฆาตกรรมจากการถูกทุบตี กับผ้าที่ผูกไว้ที่แขนด้านนึงของผู้ตายอีกคน อีกทั้งจุดที่พบศพก็ห่างไกลจากชายหาดกว่า 50 เมตร ซึ่งน้ำท่วมไม่ถึง จึงไม่ทราบได้ว่าศพมาอยู่ ณ จุดดังกล่าวได้อย่างไร
แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบฟองอากาศภายในเลือดของผู้ตาย จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีการจมน้ำแต่ก็ไม่ทราบว่าก่อนหรือหลังเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งคงจะต้องรอผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชถึงสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามที่สื่อบางฉบับรายงานว่าทั้งสองเป็นคู่ทอมดี้กันและเกิดการหึงหวงจนฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งตายก่อนที่จะกระโดดน้ำตายตามนั้น เป็นที่น่าสงสัยอยู่หลายกรณีเพราะการพบศพในวันแรกนั้น สถานที่เกิดเหตุและสภาพโดยรอบไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าทั้งสองจะเดินเท้าเข้าไปเพื่อพูดคุยอะไรกัน เพราะพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลชุมชนและเปลี่ยวทึบ นอกจากนี้ข้อมูลจากชาวบ้านทราบว่า ทั้งสองมีอาการสนิทสนมกัน แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกัน และจะมีการหึงหวงกันอย่างรุนแรงแต่อย่างใด
