ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- สถานการณ์ภัยแล้ง “เมืองช้าง” ขยายวงกว้างต่อเนื่อง ล่าสุดทั้ง 17 อำเภอของจังหวัดประสบภัยพิบัติแล้งแล้ว16 อำเภอ 96 ตำบล 1,048 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อนกว่า 60,000 ครอบครัว 230,000 คน เผยพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังได้รับความเสียหายถึง 4,581 ไร่
วันนี้ (1 เม.ย.) นายวิเศษ สถิรพัฒนกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดสุรินทร์ว่า ล่าสุดขณะนี้ทางจังหวัดได้ ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้วถึง 1,048 หมู่บ้าน 96 ตำบล ใน 16 อำเภอ จากทั้งหมด 17 อำเภอ ของจังหวัดสุรินทร์ มีราษฎรประสบภัยกว่า 60,000 ครอบครัวกว่า 230,000 คน
โดยการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งนั้น ได้ระดมรถบรรทุกน้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 44 คัน ออกแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนที่เดือดร้อนแล้วกว่า 500 เที่ยว ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย 2,946,000 ลิตร พร้อมทั้งจัดหากระสอบทรายเพื่อซ่อมแซม สร้างทำนบและฝายกั้นแหล่งน้ำ 20 แห่ง, จัดหาถังน้ำไฟเบอร์กลาสขนาด 2,000 ลิตร 1,446 ถัง, ถังเก็บน้ำฝนคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ขนาด 50 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 43 ถัง และซ่อม สร้าง ล้างบ่อบาดาลอีก 75 แห่ง รวมเป็นเงินกว่า 29 ล้านบาท
ส่วนความเสียหายทางด้านพื้นที่ทางการเกษตร พบว่า พื้นที่ปลูกข้าวนาปรังได้รับความเสียหายแล้ว 4,581 ไร่ ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานต่างๆ ทั้ง 20 แห่งของจังหวัดสุรินทร์ยังถือว่ามีปริมาณสูง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำวัดได้รวม 100.37 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 68.54 ของความจุน้ำ ทั้งสิ้น 146.44 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผู้สื่อข่าวพบเติมว่า ขณะนี้ในช่วงกลางคืนมักจะมีเกษตรกรเผ่าตอชังข้าวกันจำนวนมาก บางพื้นที่เกิดไฟลุกลามในทุ่งนานับร้อยไร่ เกิดควันไฟปกคลุมเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและทัศนวิสัยในการขับขี่รถยนต์ตามท้องถนนตามเส้นทางต่างๆ เป็นอย่างมาก แม้ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดและสำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์จะได้รณรงค์การไถกลบต่อซังข้าวเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดินแทนการเผาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์มาอย่างต่อเนื่องก็ตาม