ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านหนองอีไทย ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ โรงเรียนและบ้านเรือนพังยับเยินกว่า 30 หลัง อบต.ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหาย เพื่อเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือแล้ว
วันนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษ ว่า ที่บ้านหนองอีไทย ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ คณะเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สุขสวัสดิ์ ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของบ้านเรือนของประชาชน ที่ประสบวาตภัยถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มทำให้บ้านเรือนพังเสียหายหลายสิบหลังคาเรือน ส่วนมากหลังคาบ้านซึ่งเป็นสังกะสีถูกลมพัดปลิวหายไปเป็นระยะทางไกล
ขณะเดียวกัน โรงเรียนบ้านหนองอีไทย ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ถูกลมพัดหลังคาพังเสียหายเช่นกัน อุปกรณ์การเรียนการสอนเปียกน้ำฝนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งเสาธงของโรงเรียนซึ่งเป็นเสาเหล็กถูกลมพัดจนหักโค่น คณะครูต้องช่วยกันเก็บสื่อการเรียนการสอนและสังกะสี มารวมกันไว้เตรียมซ่อมแซมต่อไป
นายสุทิน วิจิรัมย์ นักพัฒนาชุมชน 3 อบต.สุขสวัสดิ์ กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นพบมีบ้านเรือนของชาวบ้านในเขตอบต.สุขสวัสดิ์ ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มได้รับความเสียหายประมาณ 30 หลังคาเรือน โดยหมู่บ้านหนองอีไทย ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งจะได้สรุปรายงานความเสียหายเสนอต่อนายก อบต.สุขสวัสดิ์ เพื่อของบประมาณจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์มาช่วยเหลือราษฎรที่ประสบวาตภัยได้ซ่อมแซมบ้านเรือนของตัวเองต่อไป
นายแสวง บัวจันทร์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ม.4 บ.หนองอีไทย ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถูกลมพายุพัดบ้านพังยับเยิน กล่าวว่า เหตุการณ์ลมพายุหมุนพัดถล่มบ้านเรือนของตนเกิดขึ้นเมื่อช่วงหัวค่ำคืนที่ผ่านมา โดยขณะนั้นตนและครอบครัวกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ถุนบ้าน ปรากฏว่าได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง เกิดลมพายุหมุนพัดเข้ามาภายในหมู่บ้าน ตนกับภรรยารีบอุ้มหลาน 2 คน วิ่งเข้าไปหลบอยู่ในห้องครัวซึ่งก่อสร้างด้วยอิฐบล็อกเชื่อว่าจะสามารถป้องกันลมพายุหมุนได้ ปรากฏว่า ลมได้พัดเอาหลังคาบ้านปลิวหายไป ส่วนตนและครอบครัวปลอดภัย
ด้าน นายประสิทธิ์ ผลสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองอีไทย กล่าวว่า พายุหมุนได้พัดถล่มเข้าใส่ตัวอาคารโรงเรียน ซึ่งเป็นอาคารไม้ทำให้หลังคาถูกลมพัดปลิวหายไป และอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนเปียกน้ำฝนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยห้องเรียนที่ถูกลมพัดพังคือห้องเรียนชั้น ป.4 ,ป.2 และ ป.1 ซึ่งจะเร่งสำรวจความเสียหาเพื่อรายงานผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 ทราบ และพิจารณาจัดสรรงบประมาณมาทำการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จทันก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ ต่อไป