เชียงราย – สภาหอการค้าไทยจับมือสภาอุตสาหกรรมเชียงรายจัดสัมมนา “R3 เปิดประตูการค้าสู่จีน” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุต้องเร่งวางแนวทางส่งเสริมการขนส่งสินค้า ไทย-ลาว-จีน ผ่านถนน R3a ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ประธานสภาอุตสาหกรรมเชียงรายแนะนักลงทุน ต้องศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมให้ดีโดยเฉพาะด้านกฎหมายก่อนลงทุนจีน
วันนี้ (21 มี.ค.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย จัดการสัมมนาเรื่อง “R3 เปิดประตูการค้าสู่จีน” ขึ้น ณ โรงแรมลิตเติ้ลดั๊ก จังหวัดเชียงราย มีผู้ประกอบการและนักธุรกิจราว 200 คน เข้าร่วม
นายพิษณุ เหรียญมหาศาล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อเร่งหาทางในการเข้าไปประสานกับประเทศเพื่อนบ้านในการใช้กฎระเบียบในมาตรฐานเดียวกันในการร่วมใช้ถนน R3a จากจีนตอนใต้ ผ่าน ส.ป.ป.ลาว มาเชื่อมต่อกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เชียงของ จ.เชียงราย-แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งสะพานน่าจะสร้างแล้วเสร็จราวปี 2554-2555 ซึ่งตามประสบการณ์ของไทย จากการที่มีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่ จ.มุกดาหาร มากว่า 1 ปีเศษแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจะตกลงใช้เงื่อนไขในการขนส่งสินค้าระหว่างกันให้เป็นมาตรฐานเดียว เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ในจุดเดียวแล้วส่งผ่าน 2-3 ประเทศเป็นต้น
ทั้งนี้ จะต้องมีการหารือกันระหว่าง ประเทศจีน ลาว และ ไทย ในเรื่องนี้แน่นอน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ถนน R3a โดยภาคเอกชนไทย ควรหาแนวทางในการเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศจีน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมธุรกิจการค้าก็ได้เข้าไปส่งเสริมธุรกิจ SME เพื่อให้ภาคเอกชนไทย และจีนได้เป็นหุ้นส่วนหรือคู่ค้าทางธุรกิจต่อกัน โดยทราบว่า มีเอกชนไทยได้เข้าไปลงทุนทำโรงสีข้าวหอมมะลิในประเทศจีน มาแล้วและน่าจะได้ผล
ส่วนประเทศไทย ในอดีตเมื่อปี 2546 เคยมองแค่การส่งเสริม 8 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อรับการการค้ากับจีน เช่น ให้ จ.เชียงราย เป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์, จ.เชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว, จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม, จ.พะเยา, แพร่, น่าน เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพอนามัย แต่ขณะนี้ต้องมองไปทั่วประเทศแล้ว เช่น ให้ไทยเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม แยกตามรายจังหวัดทั่วไทย และการทำแนวนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลให้ได้
สำหรับปัญหาเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกา ผันผวนจากปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือ ซัปไพรม์ ตนก็มองว่า นักลงทุนต้องหันมาคบค้ากับประเทศในโซนเอเชียมากขึ้น เช่น จีนและใกล้เคียง ซึ่งในอนาคตราว 20 ปี เชื่อว่าประเทศจีนจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก และจะเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย
เช่นเดียวกับสหภาพพม่า ที่มีข่าวว่ากำลังเร่งเปิดใช้ถนน R3b จากจีนตอนใต้ ผ่าน พม่า มาเชื่อม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งถนนก็แทบจะสมบูรณ์ แต่ต้องแก้ไขปัญหาชนกลุ่มน้อยให้ได้ก่อน จึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ด้าน นายเจริญชัย แย้มแขไข ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตนเองและภาคเอกชนไทยเคยไปลงทุนในมณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากการสื่อสารบางครั้งอาจเข้าไม่ตรงกัน ทำให้มีปัญหาในแง่กฎหมายต่างๆ และล่าสุด ทราบว่า กฎหมายแรงงานของจีน ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2551 ทำให้ต้องมีสหภาพแรงงาน และมีการกำหนดค่าแรงให้กับแรงงานที่ทำงานตั้งแต่ 5-10 ปี ต้องมีอัตราค่าแรงงานที่ชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงผลงานต่อไป ซึ่งทำให้ค่าแรงขั้นต่ำของจีนอาจอยู่ราววันละ 150 บาทต่อคน ทำให้เชื่อว่ายุคค่าแรงถูกในจีนจะเริ่มหมดลง
ดังนั้น ไทยก็น่าจะมองในเรื่องของการใช้แรงงานในไทย หรือประเทศที่ติดกับไทย เช่น สหภาพพม่า หรือ สปป.ลาว มากขึ้น และทราบว่ารัฐบาลจีนก็ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศกับนักธุรกิจจีนเช่นกัน และมีการส่งเสริมเงินลงทุนให้ชัดเจน ต่างกับไทยที่หากจะไปลงทุนต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์มักไม่ส่งเสริม เพราะมองว่าความเสี่ยงสูง โดยมากจึงมีเอกชนใหญ่ๆของไทยเท่านั้น ที่ไปลงทุนในต่างประเทศได้ แต่ก็ไม่ง่ายนัก
ทั้งนี้ ยอมรับว่า นักธุรกิจจีนทำการค้าค่อนข้างเข้มงวด และมีเทคนิค วิธีการต่างๆ ที่คู่ค้าต้องตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นก็จะเสียเปรียบ และเชื่อว่าเศรษฐกิจของจีน จะไม่ร้อนแรงแบบนี้ตลอด เพราะจะต้องชะลอตัวลงบ้าง เพราะหากร้อนแรงเกินไปก็อาจจะมีปัญหาตามมามากมาย ซึ่งนักลงทุนไทยก็ต้องหาทางรวมกลุ่ม และศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนออกไปลงทุนในต่างประเทศ และเริ่มเดินหน้าในเรื่องการจัดระบบกฎหมายระหว่างกันให้ชัดตั้งแต่นี้ไป ไม่ต้องรอสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เชียงของ ที่จะเสร็จปี 2554-55 เพราะขณะนี้การผ่านแดนก็มีเรือเฟอร์รี่ ให้รถบรรทุกข้ามแม่น้ำโขงได้อยู่แล้ว
ขณะที่ นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เชื่อว่า การสนับสนุนจากภาครัฐ ในการส่งเสริมเอกชนในการเดินหน้าทำธุรกิจระหว่างประเทศจะดีมากขึ้น และการติดต่อเจรจากับเพื่อนบ้าน จะเน้นความเป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือกันมากที่สุดจึงจะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันเอกชนไทยจังหวัดเชียงราย หลายแห่งไปลงทุนร่วมกับนักธุรกิจจีน เช่น บริษัทแม่โขงเดลต้า เทรเวล เอเยนซี่เซ็นเตอร์ ที่ลงทุนร่วมกับจีนในการเดินเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำโขง และยังมีการทำทัวร์ระหว่าง ไทย-พม่า-ลาว-จีน รวมทั้งการเปิดร้านอาหารเพื่อรองรับกับนักท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ด้วย
ขณะที่นักลงทุนจากประเทศต่างๆ ทั้งจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ก็เข้าไปลงทุนในลาวเช่นกัน เช่น กาสิโน, โรงแรม, สนามกอล์ฟ และระบบลอจิสติกส์ เป็นต้น