เชียงราย - รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สางคดีรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกก เร่งนำ 7 ผู้ต้องหาเป็นผู้บริหาร 2 บริษัทเอกชนดัง นำส่งฟ้องร้องค่าเสียหายจำนวนกว่า 62 ล้านบาท เตรียมออกหมายจับเป้าหมายอีก 13 ราย
นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนควบคุมคดีกลุ่มผู้มีอิทธิพล สั่งรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา ที่ จ.เชียงราย เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้ว่า อยู่ในระหว่างเร่งสรุปสำนวน โดยแบ่งสำนวนออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกจะให้พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวน นำ 7 ผู้ต้องหาที่เป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทเอกชนดัง (บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด) นำส่งฟ้องพนักงานอัยการ โดยในส่วนขั้นตอนนี้ก็เพื่อจะเร่งรัดฟ้องร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ได้ทำไว้กับผืนป่าสบกก จำนวนกว่า 62 ล้านบาท นำเข้ามาสู่รัฐให้ได้ พร้อมกับดำเนินคดีอาญาอย่างถึงที่สุดกับบุคคลดังกล่าวควบคู่กันไป
นายภิญโญ กล่าวว่า ในส่วนที่ 2 จะเป็นการทำสำนวนของการติดตามไล่ล่ากลุ่มเป้าหมาย จำนวน 13 ราย ที่จะต้องถูกออกหมายจับกุม เป็นในส่วนของเจ้าของรถและผู้ที่เข้าไปมีส่วนในการบุกรุกทำลายป่าสบกกที่ยังอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อทำคดีเดินหน้าไปให้เร็วที่สุด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายทั้ง 13 รายที่จะถูกออกหมายจับก็ต้องมีส่วนในการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นบนผืนป่าสบกก เช่นเดียวกันกับกลุ่มนายทุนใหญ่ทั้ง 7 คนที่ถูกออกหมายจับมาดำเนินคดีก่อนหน้านี้
อนึ่ง หลังจากที่นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้นำแฟ้มลับข้อมูลคดีป่าสบกก เข้ารายงานต่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนฝ่ายปกครอง ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ได้รับทราบ ซึ่งแหล่งข่าวระดับสูงภายในที่ประชุมแจ้งด้วยว่า นายสมพงษ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ติดตามคณะมา เร่งดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ และให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะด้วย
นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนควบคุมคดีกลุ่มผู้มีอิทธิพล สั่งรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา ที่ จ.เชียงราย เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้ว่า อยู่ในระหว่างเร่งสรุปสำนวน โดยแบ่งสำนวนออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกจะให้พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวน นำ 7 ผู้ต้องหาที่เป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทเอกชนดัง (บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด) นำส่งฟ้องพนักงานอัยการ โดยในส่วนขั้นตอนนี้ก็เพื่อจะเร่งรัดฟ้องร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ได้ทำไว้กับผืนป่าสบกก จำนวนกว่า 62 ล้านบาท นำเข้ามาสู่รัฐให้ได้ พร้อมกับดำเนินคดีอาญาอย่างถึงที่สุดกับบุคคลดังกล่าวควบคู่กันไป
นายภิญโญ กล่าวว่า ในส่วนที่ 2 จะเป็นการทำสำนวนของการติดตามไล่ล่ากลุ่มเป้าหมาย จำนวน 13 ราย ที่จะต้องถูกออกหมายจับกุม เป็นในส่วนของเจ้าของรถและผู้ที่เข้าไปมีส่วนในการบุกรุกทำลายป่าสบกกที่ยังอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อทำคดีเดินหน้าไปให้เร็วที่สุด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายทั้ง 13 รายที่จะถูกออกหมายจับก็ต้องมีส่วนในการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นบนผืนป่าสบกก เช่นเดียวกันกับกลุ่มนายทุนใหญ่ทั้ง 7 คนที่ถูกออกหมายจับมาดำเนินคดีก่อนหน้านี้
อนึ่ง หลังจากที่นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้นำแฟ้มลับข้อมูลคดีป่าสบกก เข้ารายงานต่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนฝ่ายปกครอง ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ได้รับทราบ ซึ่งแหล่งข่าวระดับสูงภายในที่ประชุมแจ้งด้วยว่า นายสมพงษ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ติดตามคณะมา เร่งดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ และให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะด้วย