เลย - เมืองเลยอากาศแปรปรวนหนัก เข้าสู่หน้าร้อนแล้วแต่อากาศยังหนาว ส่งผลให้โรคเพลี้ยแป้งระบาดหนักในแปลงยางพารา เกษตรจังหวัดแนะฉีดพ่นทำลายเชื้อก่อนลามหนัก
ผู้สื่อข่ารายงานว่า จากสภาพอากาศของจังหวัดเลยในช่วงนี้แปรปรวนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยมีฝนตกพร้อมกับมีอากาศหนาว และจนถึงต้นเดือนมีนาคมอากาศยังคงหนาวเย็น แม้ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย พบเชื้อโรคระบาดอย่างหนัก โดยเฉพาะยางพารา
นางปทุมวัน ประจันพล เกษตรจังหวัดเลย เปิดเผยว่าทางสำนักงานเกษตรจังหวัดเลยได้ติดตามสถานการณ์ผิดปกติของแปลงยางพาราในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทุกพื้นที่ของจังหวัดเลย มีสภาพอากาศที่ปรวนแปร โดยมีฝนตกและกระทบกับอากาศหนาวเย็นหรือเป็นช่วงที่เรียกว่าฝนชนหนาวหรือหนาวชนฝน ซึ่งตรงกับระยะที่ต้นยางพารามีการผลัดใบ
สภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้ยางพาราผลัดใบไม่หมด แต่มีการผลิใบอ่อนตามมาลักษณะเช่นนี้จะมีสภาพที่เรียกว่า “อมโรค” กล่าวคือ โรคที่ติดอยู่กับใบแก่ที่ยังไม่ผลัดใบจะถ่ายเชื้อโรคราแป้งที่เกิดจากเชื้อออยเดียมให้กับยอด และใบอ่อนของยางพาราได้ง่าย เมื่อมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ขณะนี้มีการระบาดในทุกพื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราพันธุ์ RRIM 600 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคราแป้ง ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนโดยทั่วกัน โรคนี้เป็นโรคมักจะระบาดในช่วงระยะแรกของฤดูยางผลิใบใหม่ ซึ่งในขณะที่มีสภาพแวดล้อมกลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็นและชื้น ช่วงเช้ามีหมอก
โรคราแป้งจะแพร่กระจายโดยลมและแมลงหรือพาหะอื่นๆ ช่วงการระบาดของโรคจะอยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือน เมษายน เมื่อมีการระบาดของโรคราแป้งแล้วจะมีผลทำให้พุ่มใบของต้นยางในปีนั้นๆ เสียหาย เป็นเหตุที่จะส่งผลกระทบต่อต้นยาง ทั้งทางด้านการเจริญเติบโตของต้นและผลผลิตที่จะได้รับเป็นอย่างมาก เชื้อโรคนี้นอกจากทำให้เกิดโรคใบร่วง ใบเป็นจุดแล้ว ยังทำให้ดอกยางร่วงอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อไม่ให้โรคเชื้อราแป้งระบาด เกษตรจึงควรทำความสะอาดสวนยางโดยเก็บกวาดใบที่ร่วงจากอาการของโรคราแป้งระบาด นำออกไปเผาทำลายภายนอกแปลงยางให้หมด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อราทำการหว่านปูนขาว หรือปูนมาร์ล หรือโคโลไมด์ให้กระจายทั่วทั้งแปลง หรืออาจจะฉีดพ่นด้วยกำมะถันผงในอัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นของแปลงยาง เพื่อไม่ให้เป็นพาหะที่จะระบาดในช่วงการแตกยอดอ่อนครั้งต่อไป เกษตรจังหวัดเลยกล่าว
