สระแก้ว -จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา บรรลุข้อตกลงเปิดจุดผ่อนปรนทางการเพิ่มอีกแห่ง
วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสระแก้ว ว่า ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะของ นายศานิตย์ นาคสุขศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับคณะของ พล.ท.ซก ซาเรด รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือการเปิดจุดผ่อนปรน ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 43 บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง และบริเวณบ้านบึงชนอล์ อำเภอสวายจิก จังหวัดบันเตียเมียนเจย
หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่จริง บริเวณแนวพรมแดนดังกล่าวแล้ว ต่างมีความเห็นตรงกันที่จะเปิดจุดผ่านแดนบริเวณที่ฝ่ายไทยเป็นผู้เสนอ คือ จุดที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 43 ไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร
นายศานิตย์ กล่าวว่า บริเวณที่เสนอให้เป็นจุดผ่านแดน มีความเหมาะสมมากที่สุดแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดินที่ติดชายแดนบริเวณเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์กว่า 100 ไร่ ที่ทางราชการสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ เพื่อก่อสร้างถนน หรืออาคารที่ทำการของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ ขณะเดียวกันทางฝ่ายกัมพูชาเอง ก็มีที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ด้าน พล.ท.ซก ซาแรด กล่าวว่า การเปิดจุดผ่อนปรนในบริเวณดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศได้ค้าขายกันสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจร่วมกัน และเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศด้วย และทางฝ่ายกัมพูชาเองพร้อมที่จะตัดถนนขนาดความกว้าง 20 เมตร เข้ามาเชื่อมกับชายแดนไทย รวมทั้งการก่อสร้างที่ทำการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวของทั้ง 2 จังหวัด เป็นการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงที่ทั้ง 2 ประเทศร่วมลงนามกันไว้ เมื่อครั้งการประชุม อาร์บีซี เมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่ศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา โดยให้ทั้ง 2 จังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมกันพิจารณาหาบริเวณที่เหมาะสม สำหรับการเปิดจุดผ่อนปรน และในบริเวณหลักเขตแดนที่ 43 และ 44 ที่มีการปักกันเขตแดนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสระแก้ว ว่า ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะของ นายศานิตย์ นาคสุขศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับคณะของ พล.ท.ซก ซาเรด รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือการเปิดจุดผ่อนปรน ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 43 บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง และบริเวณบ้านบึงชนอล์ อำเภอสวายจิก จังหวัดบันเตียเมียนเจย
หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่จริง บริเวณแนวพรมแดนดังกล่าวแล้ว ต่างมีความเห็นตรงกันที่จะเปิดจุดผ่านแดนบริเวณที่ฝ่ายไทยเป็นผู้เสนอ คือ จุดที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 43 ไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร
นายศานิตย์ กล่าวว่า บริเวณที่เสนอให้เป็นจุดผ่านแดน มีความเหมาะสมมากที่สุดแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดินที่ติดชายแดนบริเวณเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์กว่า 100 ไร่ ที่ทางราชการสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ เพื่อก่อสร้างถนน หรืออาคารที่ทำการของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ ขณะเดียวกันทางฝ่ายกัมพูชาเอง ก็มีที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ด้าน พล.ท.ซก ซาแรด กล่าวว่า การเปิดจุดผ่อนปรนในบริเวณดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศได้ค้าขายกันสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจร่วมกัน และเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศด้วย และทางฝ่ายกัมพูชาเองพร้อมที่จะตัดถนนขนาดความกว้าง 20 เมตร เข้ามาเชื่อมกับชายแดนไทย รวมทั้งการก่อสร้างที่ทำการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวของทั้ง 2 จังหวัด เป็นการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงที่ทั้ง 2 ประเทศร่วมลงนามกันไว้ เมื่อครั้งการประชุม อาร์บีซี เมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่ศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา โดยให้ทั้ง 2 จังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมกันพิจารณาหาบริเวณที่เหมาะสม สำหรับการเปิดจุดผ่อนปรน และในบริเวณหลักเขตแดนที่ 43 และ 44 ที่มีการปักกันเขตแดนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว