แพร่ - สองตระกูลการเมือง เปิดศึกล้างตาอีกรอบ ในสนามเลือกตั้งนายกเล็กเมืองแพร่ วันนี้ (9 มี.ค.) หลัง “เอื้ออภิญญกุล” แพ้ “พนมขวัญ” อย่างขาดลอยในสนาม ส.ว.ที่ผ่านมา
การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ ในวันนี้ (9 มี.ค.) แม้จะไม่คึกคักนักสำหรับประชาชนที่มาใช้สิทธิ แต่เป็นที่จับตาว่าระหว่างสองกลุ่มการเมืองที่เข้ามาแข่งขันใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะระหว่าง นายกิตฒิพันธ์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัครหมายเลข 1 กลุ่มเมืองแพร่ และ นายโชคชัย พนมขวัญ หมายเลข 2 กลุ่มแพร่ก้าวหน้า อดีตนายกเทศมนตรีคนล่าสุดที่หมดวาระลง
การแข่งขันของกลุ่มการเมืองในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในเทศบาลเมืองแพร่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรสำเร็จในการหาเสียงสำหรับกลุ่มตระกูลเอื้ออภิญญกุล ที่ใช้ฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน ในการหาคะแนนเสียง ส่วน นายโชคชัย พนมขวัญ หมายเลข 2 อาศัยผลงานที่ดำเนินการมาตลอดสมัยก่อนหมดวาระเป็นเครื่องมือในการหาเสียง
ในสนามเลือกตั้งนายกเล็กนครแพร่ เป็นอีกสนามหนึ่งในการสัปประยุทธ์ระหว่างตัวแทน 2 ตระกูลการเมือง “เอื้ออภิญญกุล-พนมขวัญ” ที่ต่อสู้มาตั้งแต่สมัยพ่อ คือ นายรัตน์ พนมขวัญ มาจนถึงรุ่นพี่ชาย คือ นายสามขวัญ พนมขวัญ ซึ่ง นายโชคชัย ก่อนหน้านี้ มีคู่แข่งคนสำคัญคือ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชนในปัจจุบัน เป็นผู้แข่งขันกับนายโชคชัย ในสนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพร่มาตลอด กระทั่งระยะหลัง นายวรวัจน์ เบนเข็มไปสู่การเมืองสนามใหญ่ จึงได้ถ่ายเทให้กับกลุ่มและเครือญาติของตนเอง ต่อสู้กับกลุ่มตระกูลพนมขวัญตลอดมา
การต่อสู้ในครั้งนี้ถือเป็นศึกเลือกตั้งศักดิ์ศรีของสองตระกูลนี้ทีเดียว โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ กลุ่มตระกูลเอื้ออภิญญกุล ประสบความพ่ายแพ้ในสนาม ส.ว.แพร่ มาแล้วอย่างขาดลอย ทำให้ นายขวัญชัย พนมขวัญ พี่ชายของ นายโชคชัย พนมขวัญ ได้รับตำแหน่ง ส.ว.แพร่ ไปครอง ขณะที่ นายองอาจ เอื้ออภิญญกุล ไม่เพียงแพ้การเลือกตั้งเท่านั้น ยังถูกองค์การเอกชนร่วมกันตรวจสอบและสามารถจับการซื้อเสียงได้อีกด้วย
ดังนั้น การเลือกตั้ง ส.ท.แพร่ และนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ จึงเป็นสนามเลือกตั้งที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายในการเอาชนะกันให้ได้ เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่ในเมืองแพร่ ซึ่งสภากาแฟในเมืองแพร่ ยังไม่สามารถให้น้ำหนักฝ่ายใดว่าจะสามารถครองชัยชนะครั้งนี้ และปัญหาการซื้อเสียงยังคงมีอยู่ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลดอาสาสมัครตรวจสอบเลือกตั้ง ทำให้ขาดการตรวจสอบ โดยภาคประชาชนในทุกหน่วยเลือกตั้ง และมีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งพฤติกรรมการซื้อเสียงยังคงมีร้องเรียนอย่างมากในขณะนี้