เชียงราย – คดีรุกป่าสงวนแห่งชาติสบกกฯ หลังทีม ดีเอสไอถูกย้ายยกกระบิตามอดีตอธิบดีฯ ซึ่งบางส่วนเป็นทีมสอบคดีงาบป่ามือดี
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า คดีกลุ่มผู้มีอิทธิพลสั่งรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา เยื้อที่ 916 ไร่ ที่บ้านห้วยข่อยหร่อย ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อาจจะไม่ได้ข้อสรุป และอาจไม่มีกำหนดที่ชัดเจนในการส่งฟ้องพนักงานอัยการ
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวน 31 รายไปช่วยราชการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกเด้งไปอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยนั้น ในจำนวนนี้เป็นพนักงาน ที่ได้รับแต่งตั้งให้ร่วมเป็นทีมสอบสวนเฉพาะกิจคดีรุกป่าสบกก รวมอยู่ด้วย
การโยกย้ายทีมสอบสวนดังกล่าวออกไป จึงมีผลโดยตรงต่อรูปคดี ซึ่งตามเดิมจะมีการออกหมายจับกุมผู้ต้องหาส่วนที่ 2 นอกเหนือจาก 7 ผู้บริหารบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด และจะสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดการพลิกผันตั้งแต่นายสุนัยโดนย้ายฟ้าผ่าออกนอกหน่วย แล้วดึงคนที่มีความใกล้ชิดของนักการเมือง ในซีกรัฐบาลปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่แทน จึงทำให้ขั้นตอนออกหมายจับและการสรุปสำนวนสะดุดลงฉับพลัน ทั้งที่คดีเดินทางมาถึงจุดไคล์แม็กซ์แล้ว
แหล่งข่าวบอกอีกว่า คดีนี้มีคนของนักการเมืองเก่าร่วมในการรุกป่า ถูกส่งเข้ามาแฝงตัวในชุดทำงานตั้งแต่แรก จนสามารถหาทางหนีทีไล่ได้ทุกขั้นตอน จนเกิดกระแสข่าวการโอนเงินล้านเพื่อล้มคดีในกลุ่มพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ชุดทำคดีป่าสบกก ออกมาเป็นระยะ และมีการยื้อคดีทั้งหมดมาจนถึงช่วงการเลือกตั้งใหม่ กระทั่งกลุ่มอำนาจเก่าได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล จึงมีผลต่อรูปคดีดั่งที่ปรากฏ
นอกจากนี้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนคดีรุกป่าสบกก ได้ถูกถอดออกจากการเป็นโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ยิ่งทำให้พนักงานสอบสวนในคดีสบกกที่ยังเหลืออยู่ในหน่วยดีเอสไอ เกิดระส่ำระสาย เกรงจะถูกย้ายเช็คบิลตามคนอื่นๆ ในเร็วๆ นี้ เพราะกลุ่มนายทุนตัวการใหญ่ในคดีสบกก มีสายสัมพันธ์นักการเมืองใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ จึงสามารถตัดตอนย้ายผู้เกี่ยวข้อง เพื่อล้มคดีให้จบลงในรัฐบาลนี้ให้ได้
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า คดีกลุ่มผู้มีอิทธิพลสั่งรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา เยื้อที่ 916 ไร่ ที่บ้านห้วยข่อยหร่อย ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อาจจะไม่ได้ข้อสรุป และอาจไม่มีกำหนดที่ชัดเจนในการส่งฟ้องพนักงานอัยการ
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวน 31 รายไปช่วยราชการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกเด้งไปอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยนั้น ในจำนวนนี้เป็นพนักงาน ที่ได้รับแต่งตั้งให้ร่วมเป็นทีมสอบสวนเฉพาะกิจคดีรุกป่าสบกก รวมอยู่ด้วย
การโยกย้ายทีมสอบสวนดังกล่าวออกไป จึงมีผลโดยตรงต่อรูปคดี ซึ่งตามเดิมจะมีการออกหมายจับกุมผู้ต้องหาส่วนที่ 2 นอกเหนือจาก 7 ผู้บริหารบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด และจะสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดการพลิกผันตั้งแต่นายสุนัยโดนย้ายฟ้าผ่าออกนอกหน่วย แล้วดึงคนที่มีความใกล้ชิดของนักการเมือง ในซีกรัฐบาลปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่แทน จึงทำให้ขั้นตอนออกหมายจับและการสรุปสำนวนสะดุดลงฉับพลัน ทั้งที่คดีเดินทางมาถึงจุดไคล์แม็กซ์แล้ว
แหล่งข่าวบอกอีกว่า คดีนี้มีคนของนักการเมืองเก่าร่วมในการรุกป่า ถูกส่งเข้ามาแฝงตัวในชุดทำงานตั้งแต่แรก จนสามารถหาทางหนีทีไล่ได้ทุกขั้นตอน จนเกิดกระแสข่าวการโอนเงินล้านเพื่อล้มคดีในกลุ่มพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ชุดทำคดีป่าสบกก ออกมาเป็นระยะ และมีการยื้อคดีทั้งหมดมาจนถึงช่วงการเลือกตั้งใหม่ กระทั่งกลุ่มอำนาจเก่าได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล จึงมีผลต่อรูปคดีดั่งที่ปรากฏ
นอกจากนี้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนคดีรุกป่าสบกก ได้ถูกถอดออกจากการเป็นโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ยิ่งทำให้พนักงานสอบสวนในคดีสบกกที่ยังเหลืออยู่ในหน่วยดีเอสไอ เกิดระส่ำระสาย เกรงจะถูกย้ายเช็คบิลตามคนอื่นๆ ในเร็วๆ นี้ เพราะกลุ่มนายทุนตัวการใหญ่ในคดีสบกก มีสายสัมพันธ์นักการเมืองใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ จึงสามารถตัดตอนย้ายผู้เกี่ยวข้อง เพื่อล้มคดีให้จบลงในรัฐบาลนี้ให้ได้
