เชียงราย - สสจ.ชร.เฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก หลังพบผู้ป่วยในกลุ่มชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า 2 ราย ในพื้นที่ระบาดหนักเมื่อปี 2550 เร่งลงพื้นที่พ่นหมอกควันฆ่ายุงลาย รวมทั้งสำรวจลูกน้ำยุงลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเคยเกิดระบาดหนักที่สุดเมื่อปี 2550 มีผู้ป่วยกว่า 700 คน และเข้าข่ายเป็นโรคไข้เลือดออกกว่า 1,000 รายนั้น
ล่าสุดสาธารณสุข ประจำสถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ ได้พบผู้ป่วยในกลุ่มชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า จำนวน 2 ราย คือ นางอายา จีเปียกู่ อายุ 67 ปี และนางหมีทู มาเยอะ อายุ 47 ปี ซึ่งทั้งสองรายเป็นชาวเขาเผ่าอาข่า ถูกนำตัวส่ง รพ.แม่จัน เจาะเลือดตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายเป็นโรคไข้เลือดออก จึงมีการรายงานสถานการณ์ให้ นพ.เทพนฤมิตร เมธนาวินทร์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย ทราบโดยใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน หลังตรวจพบผู้ป่วยในพื้นที่เคยระบาด เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่ไร่ เร่งลงพื้นที่พ่นหมอกควันฆ่ายุงลาย รวมทั้งสำรวจลูกน้ำยุงลาย คว่ำกระโหลกกะลา ในหมู่บ้านดงมะตื๋น และบ้านห้วยไร่ หรือบ้านซาเจ๊ะ รวมทั้งสกรีนตรวจสอบในหมู่บ้านข้างเคียงของ ต.แม่ไร่ ซึ่งมีประชากรชาวเขาอาศัยอยู่มาก เพื่อหาผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่อาจแอบแฝงไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาได้อีก แต่ยังไม่พบผู้ป่วยรายอื่น
เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ กล่าวว่า กรณีนางอายา มีไข้ เป็นลมทั้งคืน ภายหลังกลับจากไปหาของป่า ส่วนกรณีนางหมีทุมพบมีอาการหนาวสั่น ตามัว เป็นไข้สูง ซึ่งจากการตรวจพบผู้ป่วยใหม่ปีนี้ จำเป็นต้องรีบกำจัดพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด และต้องสำรวจชาวบ้านรายอื่นๆ ที่อาจจะมีการติดไข้ แต่ไม่รู้ตัวหรือมีการแอบแฝงปิดบังไข้ เพราะจากปี 50 ที่เคยระบาดหนักที่สุด เนื่องจากชาวบ้านขาดความรู้ความเข้าใจ และมีการแอบแฝงไข้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้ เกรงจะถูกจับกุมตัวเนื่องจากได้ลักลอบอพยพเข้ามาจัดตั้งหมู่บ้านกันเอง
ขณะที่ นายสมพล ขัดชมภู รองนายก อบต.แม่ไร่ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตรวจพบผู้ป่วยใน ต.แม่ไร่อีกครั้ง อาจเป็นเพราะชาวบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยเท่าที่ควร โดยในช่วงที่ระบาดหนักเมื่อปี 50 ทาง อบต.และหน่วยงานสาธารณสุข พยายามรณรงค์อย่างหนักให้ชาวบ้านกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด แต่พอเมื่อสถานการณ์จบลง ราษฎรชาวเขาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ทำตามที่เคยประชาสัมพันธ์ไว้ และเมื่อล่าสุดมีฝนตกลงมา แต่ชาวบ้านละเลยเรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายจนทำให้ตรวจพบผู้ป่วยในสถานที่เดิมอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเคยเกิดระบาดหนักที่สุดเมื่อปี 2550 มีผู้ป่วยกว่า 700 คน และเข้าข่ายเป็นโรคไข้เลือดออกกว่า 1,000 รายนั้น
ล่าสุดสาธารณสุข ประจำสถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ ได้พบผู้ป่วยในกลุ่มชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า จำนวน 2 ราย คือ นางอายา จีเปียกู่ อายุ 67 ปี และนางหมีทู มาเยอะ อายุ 47 ปี ซึ่งทั้งสองรายเป็นชาวเขาเผ่าอาข่า ถูกนำตัวส่ง รพ.แม่จัน เจาะเลือดตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายเป็นโรคไข้เลือดออก จึงมีการรายงานสถานการณ์ให้ นพ.เทพนฤมิตร เมธนาวินทร์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย ทราบโดยใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน หลังตรวจพบผู้ป่วยในพื้นที่เคยระบาด เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่ไร่ เร่งลงพื้นที่พ่นหมอกควันฆ่ายุงลาย รวมทั้งสำรวจลูกน้ำยุงลาย คว่ำกระโหลกกะลา ในหมู่บ้านดงมะตื๋น และบ้านห้วยไร่ หรือบ้านซาเจ๊ะ รวมทั้งสกรีนตรวจสอบในหมู่บ้านข้างเคียงของ ต.แม่ไร่ ซึ่งมีประชากรชาวเขาอาศัยอยู่มาก เพื่อหาผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่อาจแอบแฝงไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาได้อีก แต่ยังไม่พบผู้ป่วยรายอื่น
เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านแม่ไร่ กล่าวว่า กรณีนางอายา มีไข้ เป็นลมทั้งคืน ภายหลังกลับจากไปหาของป่า ส่วนกรณีนางหมีทุมพบมีอาการหนาวสั่น ตามัว เป็นไข้สูง ซึ่งจากการตรวจพบผู้ป่วยใหม่ปีนี้ จำเป็นต้องรีบกำจัดพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด และต้องสำรวจชาวบ้านรายอื่นๆ ที่อาจจะมีการติดไข้ แต่ไม่รู้ตัวหรือมีการแอบแฝงปิดบังไข้ เพราะจากปี 50 ที่เคยระบาดหนักที่สุด เนื่องจากชาวบ้านขาดความรู้ความเข้าใจ และมีการแอบแฝงไข้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้ เกรงจะถูกจับกุมตัวเนื่องจากได้ลักลอบอพยพเข้ามาจัดตั้งหมู่บ้านกันเอง
ขณะที่ นายสมพล ขัดชมภู รองนายก อบต.แม่ไร่ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตรวจพบผู้ป่วยใน ต.แม่ไร่อีกครั้ง อาจเป็นเพราะชาวบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยเท่าที่ควร โดยในช่วงที่ระบาดหนักเมื่อปี 50 ทาง อบต.และหน่วยงานสาธารณสุข พยายามรณรงค์อย่างหนักให้ชาวบ้านกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด แต่พอเมื่อสถานการณ์จบลง ราษฎรชาวเขาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ทำตามที่เคยประชาสัมพันธ์ไว้ และเมื่อล่าสุดมีฝนตกลงมา แต่ชาวบ้านละเลยเรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายจนทำให้ตรวจพบผู้ป่วยในสถานที่เดิมอีกครั้ง
