พะเยา – สุดทนกระเทียมราคาทรุดชาวบ้านสลด จวกเละจังหวัดดูดายไม่พอ กระเทียมเน่าเสียซ้ำ
นายอารีย์ รวมสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า ตนและนายสมาน หัวนา อดีต นายก อบต.ป่าสัก อ.ภูซาง พร้อมด้วยนายอำเภอภูซางและตัวแทนเกษตรกรบางคน ได้เข้าไปพบนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.จังหวัดพะเยา เพื่อเข้าพบกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรี (รมต.) ว่าการกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในพื้นที่ ต.ป่าสัก-ต.เชียงแรง กำลังประสบปัญหาหนัก คือ ราคากระเทียมตกต่ำอยู่ที่ กก.ละ 3-4 บาท แต่ต้นทุนการผลิตกระเทียม กก.ละประมาณ 6 บาท เกษตรกรจะต้องเก็บผลผลิตแล้ว และในพื้นที่มีการรับซื้อเพียงไม่กี่จุด ซึ่งราคารับซื้อจากพ่อค้าไม่เกิน กก.ละ 4 บาทเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกษตรกรจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเกินตัว ภาวะขาดทุนจนอาจจะเกิดปัญหาสังคมตามมาได้
ที่สำคัญ จังหวัดได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการหรือจัดหามาตรการใดๆ เข้ามาจัดการแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับเกษตรกรได้เลย มิหนำซ้ำก็ยังไม่ให้กลุ่มเกษตรกรมีการเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ ส่วนตัวตนเข้าใจว่าพื้นที่ภูซาง ยังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกคงจะไม่มีม็อบเกิดขึ้น แต่หากปล่อยนานไปตนก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีกลุ่มพลังเกษตรกรที่เดือดร้อนออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางหนึ่งและทางเดียวที่จะเป็นสิ่งเร่งด่วน คือ การบอกเรื่องราวความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมให้กับรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับรู้เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณกระเทียมในพื้นที่สองตำบลเบื้องต้น พบว่า มีปริมาณไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน กก.เมื่อเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ จะด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ คือระบบกลไกตลาดหรือปริมาณความต้องการการบริโภคใดๆ ก็ตาม แต่ด้วยหน้าที่ของผู้แทนและรัฐบาลรวมถึงข้าราชการ จะต้องหาแนวทางในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยตามเวรกรรม
นายอารีย์ รวมสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า ตนและนายสมาน หัวนา อดีต นายก อบต.ป่าสัก อ.ภูซาง พร้อมด้วยนายอำเภอภูซางและตัวแทนเกษตรกรบางคน ได้เข้าไปพบนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.จังหวัดพะเยา เพื่อเข้าพบกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรี (รมต.) ว่าการกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในพื้นที่ ต.ป่าสัก-ต.เชียงแรง กำลังประสบปัญหาหนัก คือ ราคากระเทียมตกต่ำอยู่ที่ กก.ละ 3-4 บาท แต่ต้นทุนการผลิตกระเทียม กก.ละประมาณ 6 บาท เกษตรกรจะต้องเก็บผลผลิตแล้ว และในพื้นที่มีการรับซื้อเพียงไม่กี่จุด ซึ่งราคารับซื้อจากพ่อค้าไม่เกิน กก.ละ 4 บาทเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกษตรกรจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเกินตัว ภาวะขาดทุนจนอาจจะเกิดปัญหาสังคมตามมาได้
ที่สำคัญ จังหวัดได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการหรือจัดหามาตรการใดๆ เข้ามาจัดการแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับเกษตรกรได้เลย มิหนำซ้ำก็ยังไม่ให้กลุ่มเกษตรกรมีการเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ ส่วนตัวตนเข้าใจว่าพื้นที่ภูซาง ยังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกคงจะไม่มีม็อบเกิดขึ้น แต่หากปล่อยนานไปตนก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีกลุ่มพลังเกษตรกรที่เดือดร้อนออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางหนึ่งและทางเดียวที่จะเป็นสิ่งเร่งด่วน คือ การบอกเรื่องราวความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมให้กับรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับรู้เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณกระเทียมในพื้นที่สองตำบลเบื้องต้น พบว่า มีปริมาณไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน กก.เมื่อเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ จะด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ คือระบบกลไกตลาดหรือปริมาณความต้องการการบริโภคใดๆ ก็ตาม แต่ด้วยหน้าที่ของผู้แทนและรัฐบาลรวมถึงข้าราชการ จะต้องหาแนวทางในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยตามเวรกรรม