ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ภัยแล้งอีสานใต้ขยายวงกว้าง เผยประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว 5 จังหวัด รวมกว่า 2,400 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือนร้อนร่วม 1 ล้านคน พื้นที่เกษตรเสียหายเกือบ 5,000 ไร่ ศูนย์ ปภ.เขต 5 ปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำออกให้ความช่วยเหลือแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค พร้อมตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาภัยแล้ง ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และจัดเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชม.
วันนี้ (22 ก.พ. ) ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 (ปภ.เขต 5) นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ปภ.เขต 5 นครราชสีมา เป็นประธานปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่ความรับผิดชอบ 6 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์,ศรีสะเกษ, ชัยภูมิ และ สระบุรี จำนวนกว่า 50 คัน
นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการ ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์ ปภ.เขต 5 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งขึ้น ที่ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการ ติดตามสถานการณ์รวบรวมข้อมูลและประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในพื้นที่ความรับผิดชอบ 6 จังหวัด
ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวได้เตรียมความพร้อม กำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกล และเตรียมรถยนต์บรรทุกน้ำจำนวน 19 คัน เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 7 เครี่อง พร้อมออกปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) เมื่อได้รับการร้องขอเข้ามา
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า สำหรับรถบรรทุกน้ำที่ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนในวันนี้ จะไปประจำตามศูนย์ ปภ.จังหวัดทั้ง 6 จังหวัด และออกให้บริการแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ล่าสุดจากรายงานพบว่า ประชาชนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ,สุรินทร์ และชัยภูมิ ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างหนัก จะต้องระดมเจ้าหน้าที่ลงไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ส่วน จ.นครราชสีมา มีรายงานเข้ามาแล้วบางอำเภอที่ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เช่น อ.ด่านขุนทด เป็นต้น
ทั้งนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ในพื้นที่ 6 จังหวัดอีสานใต้ ขณะนี้ มีจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งแล้ว 5 จังหวัด คือ ชัยภูมิ สระบุรี บุรีรัมย์ สุรินทร์ และ ศรีสะเกษ รวมจำนวน 33 อำเภอ 229 ตำบล 2,470 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 212,269 ครอบครัว 995,372 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 4,855 ไร่ และพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า จะได้รับความเสียหายประมาณ 13,170 ไร่
