xs
xsm
sm
md
lg

สาวใหญ่แหล่บทกลอนกวาดลานวัดแลกข้าวก้นบาตรเลี้ยงแม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา – พบสาวใหญ่ผู้กตัญญูวัย 55 ปี ซึ่งเป็นกวีประจำหมู่บ้าน แหล่บทกลอนกวาดลานวัด แลกข้าวก้นบาตรเลี้ยงแม่พิการ วัย 75 ปีให้รอดพ้นจากความหิวโหย

วันนี้ (14 ก.พ.) ที่วัดเทพประสาท หรือวัดเตาถ่าน หมู่ที่ 4 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จะได้ยินเสียงผู้หญิงว่าบทกลอนเสียงดังเจื้อยแจ้วอยู่ด้านทิศเหนือของกุฏิหอระฆัง จึงได้ออกไปดูที่มาของเสียงอันไพเราะ และมีสาระความหมายจากบทกลอน พบว่าผู้ที่แหล่บทกลอนนั้น คือ นางนฤมล ไพมณี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/11 หมู่ที่ 4 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของกวีประจำหมู่บ้านนั่นเอง

นางนฤมล หรือเจ๊มล ฉายากวีประจำหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า อาจจะมีอีกฉายาหนึ่งก็คือ ผีบ้า เพราะในตอนเช้าของแต่ละวันจะออกมาจากบ้านพักเพื่อช่วยพระกวาดลานวัด เก็บขยะ เพื่อช่วยพระแบ่งเบาภาระ และที่สำคัญเป็นการช่วยวัดเพื่อเป็นการขอพึ่งใบบุญแลกข้าวก้นบาตร แลกอาหารที่พระไปโปรดสัตว์ในตอนเช้า แล้วนำไปเป็นอาหารให้กับแม่ชื่อ นางเชย รถทอง อายุ 75 ปี ซึ่งตกอยู่ในสภาพพิการ เพราะเกิดอุบัติเหตุตกจากรถสองแถวตั้งแต่ปี 2535 ต้องผ่าตัดสมอง เจาะคอ พูดไม่ได้ เคลื่อนไหวแม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องคลานไป ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กันเพียง 2 คน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางนฤมล พบนางเชย ผู้เป็นแม่กำลังคลานเข้าห้องน้ำ ถึงกับรันทดเพราะสภาพคนแก่คลานเข้าห้องน้ำเป็นภาพที่น่าสงสาร จึงได้ย้อนถามนางนฤมลว่าทำไมไม่ช่วยเหลือแม่ด้วยการอุ้มเข้าห้องน้ำ ซึ่งได้รับคำตอบว่าถ้ารักแม่ก็ต้องรักตัวเองด้วย เราจำเป็นต้องรักษาตัวเราไว้ให้ปกติ แข็งแรงเพื่อดูแลแม่ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าไปอุ้มหรือจูงแม่วันใด ถ้าพลาดหกล้มกระแทกของแข็งจนต้องพิการด้วยกันทั้งคู่แล้วใครจะดูแลตัวเรา และดูแลแม่เราได้ บางเรื่องต้องปล่อยให้ไปตามวิถีที่พึงทำได้ โดยเฉพาะต้องช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด

นางนฤมล เปิดเผยอีกว่า สามีเสียชีวิตไปได้ประมาณ 2 เดือน เพราะมีสามีแก่ จึงต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่เพียง 2 คน ยอมรับว่าไม่มีความรู้ ไม่มีปัญญาที่จะไปหางานทำเลี้ยงแม่ เลี้ยงตัวเองให้รอดจากความอดอยาก หนทางที่จะช่วยแม่ และชีวิตตัวเองให้รอด ก็คือการเข้าหาวัด เพื่อขอพึ่งใบบุญจากข้าว อาหารก้นบาตรจากพระสงฆ์เป็นทานไปสู่แม่ให้รอดไปวันๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะตัวเองไม่มีความรู้ อายุก็มากแล้วคงไม่มีใครรับเข้าทำงาน จึงต้องใช้ประสบการณ์การแต่งกลอนเพื่อร้องให้ชาวบ้านฟัง โดยเฉพาะพระในยามเช้า เมื่อพระแบ่งอาหารมาเป็นทานก็กลับไปหาอาหารให้แม่รับประทาน และดูแลแม่ เมื่อว่างเว้นก็จะแต่งกลอนร้องไปวันๆ เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น