xs
xsm
sm
md
lg

“มาดามติ้ง” รมว.พลังงาน ควง “สุวัจน์” ไหว้ย่าโม-ขอให้ทำงานใหญ่ราบรื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “มาดามติ้ง” รมว.พลังงาน ควง “สุวัจน์” สามี สักการะอนุสาวรีย์ย่าโม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองโคราช ขอกำลังใจให้ทำงานใหญ่ราบรื่น ระบุงานด้านพลังงานต้องทำอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาของ ปชช.และ ศก.ของประเทศ พร้อมต้องศึกษาโรงไฟ้ฟ้านิวเคลียร์อย่างเป็นระบบ ส่วน “สุวัจน์” ชี้การนิรโทษ 111 ซากเน่า ทรท.สถานการณ์เป็นตัวกำหนด ระบุ ไทยขาดแคลนนักการเมือง ที่มีประสบการณ์-ความรู้ความสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาประเทศ

วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือ “มาดามติ้ง” พร้อมสามี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) เดินทางเข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เป็นครั้งแรก หลังได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ท่ามกลาง พ่อค้า ประชาชนชาวโคราช เดินทางมาชูป้ายและมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และร่วมแสดงความยินดีกว่า 300 คน

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การเข้ากราบสักการะย่าโมวันนี้ เพื่อมาบอกกล่าวกับคุณย่าโมในฐานะลูกหลานโคราช ว่า ตนได้รับตำแหน่งที่สำคัญมาก และตระหนักถึงกระทรวงนี้ดี จึงขอกำลังใจจากคุณย่าโมช่วยให้ทำงานใหญ่สำเร็จ และสมศักดิ์ศรีชาวโคราช ส่วนกำลังใจจากนายสุวัจน์ สามี นั้นได้รับด้วยดีมาโดยตลอด เสมอต้นเสมอปลายและภูมิใจที่สุด

สำหรับการบริหารงานในกระทรวงพลังงานนั้น ยอมรับว่า เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญทั้งระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ฉะนั้นการทำงานต้องทำให้เต็มที่ พยายามรักษาดุลยภาพให้ได้ ที่สำคัญพี่น้องประชาชนต้องมีความสุขด้วย

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวอีกว่า การแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 ก.พ.นี้ กำลังอยู่ระหว่างการเร่งจัดทำนโยบายเพื่อให้หน้าตาออกมาดูดีที่สุด ตรงใจพี่น้องประชาชน ไม่ได้มีความหนักใจแต่อย่างใด เพราะมีเจตนาดี และตั้งมั่นในการทำงาน

“ส่วนการตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในประเทศไทยนั้นคงต้องเริ่มต้นศึกษาให้มากอย่างเป็นระบบ และต้องฟังเสียงประชาชน เพราะทุกอย่างมีทั้งข้อดี ข้อเสีย จะไปตัดหมดก็ไม่ได้ เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะยังมีเวลาตัดสินใจ” พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าว

สำหรับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้น พยายามหาคนที่ทำงานจริงๆ แต่ถ้าจะพิจารณา ส.ส.เก่าเข้าไปนั้น จะมีปัญหาทางกฎหมายหรือไม่ก็ต้องดูอีกที เรื่องนี้คงต้องขอให้รออีกสักระยะ ขอยืนยันว่า ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ รู้ใจประชาชนพร้อมทำงาน เพราะงานของกระทรวงไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูน เพราะปัญหาเร่งด่วนคอยอยู่มาก

ด้าน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 1 ใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดียุบพรรค ทรท.เปิดเผยว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.นครราชสีมา และตั้งใจมากราบคุณย่าโม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองโคราช และมากราบคุณแม่ที่บ้าน ถ.โพธิ์กลาง เขตเทศนครนครราชสีมา

ส่วนการเมืองต่อจากนี้ไป คิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองน่าจะดีขึ้น และขณะนี้ประชาชนให้การยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตอนนี้คงรอดูผลงานกันว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้แค่ไหน ฉะนั้น โอกาสและกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ ภารกิจแรกของรัฐบาลก็คือการที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำอย่างไรจะแก้สินค้าราคาแพง และกระตุ้นเรื่องการลงทุนได้ สถานการณ์ในตอนนี้น่าจะเข้ารูปเข้ารอยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะทำอุโมงค์ผันน้ำจากลำน้ำโขงนั้น คิดว่าภาคอีสานประสบปัญหาเรื่องความแห้งแล้งมาตลอดทุกปีพื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตร และมีปัญหาความยากจน ปัญหาการขาดแคลนระบบน้ำยังมีอยู่ ฉะนั้น เป็นวิธีคิดที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของรัฐบาลต่อพี่น้องชาวอีสานในปัญหาเรื่องน้ำ ส่วนรายละเอียดของวิธีคิดจะออกมาในรูปโครงการอย่างไรก็คงต้องรอดูกันว่า รัฐบาลจะมีรายละเอียดในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร

นายสุวัจน์ กล่าวถึงกรณีการนิรโทษกรรมอดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยด้วยว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า ใน 111 คนถือว่าเป็นบุคลากรทางการเมืองที่มีประสบการณ์มาก และขณะนี้เราต้องการนักการเมืองที่มีความรู้ความสามารถในการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ คิดว่าเราขาดตอนช่วงนี้ไป เพราะนักการเมืองรุ่นนี้ที่เข้ามาเป็นรุ่นที่ 2

ส่วนการนิรโทษกรรมนั้นคิดว่าคงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศ ถ้าสถานการณ์ของประเทศมาถึงจุดๆ หนึ่งที่เราบอกว่าเราขาดแคลนจริงๆ เราต้องการคนมาช่วยกันทำงานทางการเมือง ตรงนั้นคงจะเป็นเวลาเหมาะสมที่จะพิจารณาในการหาทางออก แต่ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ว่า คิดกันอย่างไรด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น