พะเยา – เครือข่ายเหล้าเดินหน้าผลักดัน ให้รัฐบาลแยกฐานภาษีเหล้ากลั่นชุมชน-โรงงานออกจากกันต่อเนื่อง พร้อมกับเตรียมจัดเวทีสัญจรทุกจังหวัดในภาคเหนือ พร้อมเอ่ยปากขวางตั้ง รมช.คลัง ที่มีเอี่ยวธุรกิจเครื่องดื่มคุมกรมสรรพสามิต หวั่นวางตัวไม่เป็นกลาง ทำให้แผนผลักดันให้รัฐแยกฐานภาษีเหล้าไม่ถึงฝั่งฝัน
นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการกลุ่มเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มแกนนำกลุ่มเหล้าฯ ได้จัดประชุมเพื่อสรุปความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา พร้อมกับหารือและตั้งคณะทำงานในพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งจัดขึ้น ณ บ้านของแกนนำในพื้นที่ มีผู้มาร่วมประชุมกว่า 100 คน จากจำนวนโรงงานที่ผลิตเหล้าพื้นบ้านในจังหวัดลำปางทั้งหมด และบรรดาแกนนำกลุ่มเหล้าฯ จังหวัดใกล้เคียงร่วมสังเกตการณ์แลกเปลี่ยนข้อมูล
หลังจากนี้ก็จะจัดการประชุมสัญจรทุกพื้นที่ในหลายจังหวัดภาคเหนือ โดยเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2551 ได้จัดประชุมที่จังหวัดน่าน จากนั้นจะหมุนเวียนจัดในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป เพื่อทบทวนข้อมูลและแนวทางการเรียกร้องนำไปสู่การเสนอกฎหมายแยกฐานภาษีเหล้าที่เป็นธรรมในขั้นตอนต่อไป
ที่ประชุมยังคงเน้นเรื่องการต่อสู้ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันนำไปสู่การสนับสนุนการออกกฎหมายของรัฐเรื่องการแยกฐานภาษีสุรากลั่นชุมชนกับสุราขาวโรงงานออกจากกัน เพื่อให้ฐานภาษีที่เป็นธรรมกับกลุ่มเหล้าฯ
ทั้งนี้ จากการติดตามการตั้งรัฐบาลใหม่ในขณะนี้ ทั้งนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่กล้าคิดกล้าพูดปากกับใจตรงกัน และประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ที่เคยได้รับรู้ข้อมูลพร้อมกับยินดีจะเข้ามาช่วยเหลือพวกเราดังที่เคยได้ให้คำมั่นไว้เมื่อหลายสมัยที่ผ่านมา กลุ่มเหล้าฯ จึงมีความหวังว่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่จะได้รับการผลักดันกฎหมายแยกฐานภาษีเหล้าให้ประสบผลสำเร็จ
นายชวลิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการวางตัวบุคคลที่จะเป็น รมช. เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ดูแลกรมสรรพสามิต สิ่งนี้ทางกลุ่มเหล้าฯ ได้เห็นพ้องต้องกันว่าไม่ต้องการให้ได้บุคคลที่มีธุรกิจเครื่องดื่มหรือมีหุ้นส่วนเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครื่องดื่มมาเป็นผู้รับผิดชอบกรมสรรพสามิต เกรงว่าจะวางตัวไม่เป็นธรรมในการพิจารณาเรื่องกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับเหล้า ควรจะเป็นบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ตรงนี้จะเป็นข้อเสนอที่กลุ่มเหล้าฯ จะทำเรื่องเสนอไปยัง รมต.คลัง คนใหม่ต่อไป
นายชวลิต บอกว่า ที่ผ่านมาทางกรมสรรพสามิตได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเชิญกลุ่มเหล้าฯ ประชุมเพื่อจัดเก็บข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งดี แต่พวกเราไม่มั่นใจว่าข้อมูลที่เสนอผ่านไปยังภาครัฐจะถูกส่งถึงมือผู้บริหารประเทศหรือไม่ ดังนั้น กลุ่มเหล้าฯ จะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาลอีกทางหนึ่ง
นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการกลุ่มเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มแกนนำกลุ่มเหล้าฯ ได้จัดประชุมเพื่อสรุปความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา พร้อมกับหารือและตั้งคณะทำงานในพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งจัดขึ้น ณ บ้านของแกนนำในพื้นที่ มีผู้มาร่วมประชุมกว่า 100 คน จากจำนวนโรงงานที่ผลิตเหล้าพื้นบ้านในจังหวัดลำปางทั้งหมด และบรรดาแกนนำกลุ่มเหล้าฯ จังหวัดใกล้เคียงร่วมสังเกตการณ์แลกเปลี่ยนข้อมูล
หลังจากนี้ก็จะจัดการประชุมสัญจรทุกพื้นที่ในหลายจังหวัดภาคเหนือ โดยเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2551 ได้จัดประชุมที่จังหวัดน่าน จากนั้นจะหมุนเวียนจัดในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป เพื่อทบทวนข้อมูลและแนวทางการเรียกร้องนำไปสู่การเสนอกฎหมายแยกฐานภาษีเหล้าที่เป็นธรรมในขั้นตอนต่อไป
ที่ประชุมยังคงเน้นเรื่องการต่อสู้ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันนำไปสู่การสนับสนุนการออกกฎหมายของรัฐเรื่องการแยกฐานภาษีสุรากลั่นชุมชนกับสุราขาวโรงงานออกจากกัน เพื่อให้ฐานภาษีที่เป็นธรรมกับกลุ่มเหล้าฯ
ทั้งนี้ จากการติดตามการตั้งรัฐบาลใหม่ในขณะนี้ ทั้งนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่กล้าคิดกล้าพูดปากกับใจตรงกัน และประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ที่เคยได้รับรู้ข้อมูลพร้อมกับยินดีจะเข้ามาช่วยเหลือพวกเราดังที่เคยได้ให้คำมั่นไว้เมื่อหลายสมัยที่ผ่านมา กลุ่มเหล้าฯ จึงมีความหวังว่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่จะได้รับการผลักดันกฎหมายแยกฐานภาษีเหล้าให้ประสบผลสำเร็จ
นายชวลิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการวางตัวบุคคลที่จะเป็น รมช. เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ดูแลกรมสรรพสามิต สิ่งนี้ทางกลุ่มเหล้าฯ ได้เห็นพ้องต้องกันว่าไม่ต้องการให้ได้บุคคลที่มีธุรกิจเครื่องดื่มหรือมีหุ้นส่วนเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครื่องดื่มมาเป็นผู้รับผิดชอบกรมสรรพสามิต เกรงว่าจะวางตัวไม่เป็นธรรมในการพิจารณาเรื่องกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับเหล้า ควรจะเป็นบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ตรงนี้จะเป็นข้อเสนอที่กลุ่มเหล้าฯ จะทำเรื่องเสนอไปยัง รมต.คลัง คนใหม่ต่อไป
นายชวลิต บอกว่า ที่ผ่านมาทางกรมสรรพสามิตได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเชิญกลุ่มเหล้าฯ ประชุมเพื่อจัดเก็บข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งดี แต่พวกเราไม่มั่นใจว่าข้อมูลที่เสนอผ่านไปยังภาครัฐจะถูกส่งถึงมือผู้บริหารประเทศหรือไม่ ดังนั้น กลุ่มเหล้าฯ จะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาลอีกทางหนึ่ง