ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – กกต.เชียงใหม่จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ส.ว.ที่กำลังจะมีขึ้นแก่แกนนำชาวไทยภูเขา 11 เผ่า หวังนำข้อมูลที่ได้รับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ ช่วยกระตุ้นให้มีการออกมาใช้สิทธิกันอย่างพร้อมเพรียง
วันนี้ (29 ม.ค.) ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายมานพ ศักดาพร ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมให้ความรู้แก่แกนนำชาวไทยภูเขา ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้นำชาวไทยภูเขาจากทั้งหมด 11 ชนเผ่า เข้าร่วม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้เข้าถึงชาวไทยภูเขาในพื้นที่ทุรกันดารอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง
ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มีขึ้นเพื่อที่จะให้ข้อมูลและความเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 มี.ค.2551 แก่แกนนำชาวไทยภูเขาทุกชนเผ่าในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะได้นำข้อมูลและความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อในพื้นที่ ให้ชาวไทยภูเขาทุกคนมีความมีความรู้ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งเกิดความตื่นตัวออกมาใช้สิทธิกันอย่างพร้อมเพรียงและปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง
ส่วนเป้าหมายจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้นั้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ เพียงแต่มีความคาดหวังอยากจะให้มีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันเป็นจำนวนมากๆ เท่านั้น
ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากจะให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 70 ขณะที่ในส่วนของจำนวนบัตรเสีย ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เพิ่งผ่านไปมีจำนวนบัตรเสียคิดเป็นประมาณร้อยละ 3 ซึ่งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ เชื่อว่า จะมีจำนวนลดลงเพราะกำหนดให้ลงคะแนนได้เพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น จึงไม่น่าจะเกิดความสับสน
สำหรับการเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้น การดำเนินการในเวลานี้ ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องการรณรงค์อบรมให้ความรู้แก่ประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดความตื่นตัวและเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็มีการเตรียมความพร้อม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ของทางคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งภาพรวมถือว่าได้มีการเตรียมพร้อมไปแล้วประมาณร้อยละ 50-60