เชียงราย – ดีเอสไอ เผย คดีรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา คืบหน้ากว่า 80% มั่นใจควานหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลังดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน หลังผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็กซ์ คอร์ปอร์เรชั่น 6 ราย เข้ามอบตัวแล้ว
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา บ้านห้วยข่อยหร่อย จ.เชียงราย ว่า คดีมีความชัดเจนเป็นรูปร่างมาก เดินหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่เข้ามอบตัวกับทางดีเอสไอ เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไทยรับเบอร์ลาเท็กซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ดีเอสไอ ต้องการตัวมากที่สุด
ในส่วนของการขยายผลได้ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไปประสานงานหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องในคดี เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนเอกสารสำคัญเพิ่มเติม เพราะจะมีผลต่อการเสนออนุมัติออกหมายจับตัวการใหญ่ ที่เหนือกว่าผู้บริหารทั้ง 6 ราย ที่เข้ามอบตัวล่าสุดได้อีกต่อไป
“ส่วนการที่ผู้บริหารบริษัทรายนี้ ได้ออกมาแถลงข่าวสื่อมวลชนแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น ย่อมทำได้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา โดยมองว่าการออกมาแถลงข่าว เนื่องจากต้องการรักษาภาพลักษณ์การเป็นบริษัทจำกัดมหาชนเอาไว้ เพราะข่าวการจับกุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนรายนี้ ย่อมมีผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ที่บริษัทนี้จดทะเบียนอยู่มาก จึงต้องออกมาแถลงข่าวอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่รู้เรื่องในการบุกรุกป่าสบกกทั้งสิ้น” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวระดับสูง ที่เคยเข้าร่วมกับบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ในการปรับสภาพที่ดินหลายแปลงใน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า บริษัท ไทยรับเบอร์ฯ มีเงินทุนมหาศาล มีการจ้างวิศวกรชาวสิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง มาประจำการที่สำนักงานสาขาเชียงราย และได้ทุ่มเงินกว้านซื้อที่ดินป่าในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่จัน อ.เชียงของ อ.เชียงแสน รวมเนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่
โดยเฉพาะที่ ต.ข้าวเปลือก อ.แม่จัน เพียงอำเภอเดียว ที่ผู้บริหารบริษัทรายนี้ ได้ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินไว้แล้ว จำนวน 2,000 ไร่ เร่งดำเนินการก่อสร้างโรงงานฟอกยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งเป้าส่งออกไปจำหน่ายจำหน่ายที่ประเทศจีน ในเขตพื้นที่ภาคเหนือแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ให้ผ่านบริษัท หรือโรงงานอื่นๆ ในประเทศไทย
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา บ้านห้วยข่อยหร่อย จ.เชียงราย ว่า คดีมีความชัดเจนเป็นรูปร่างมาก เดินหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่เข้ามอบตัวกับทางดีเอสไอ เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไทยรับเบอร์ลาเท็กซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ดีเอสไอ ต้องการตัวมากที่สุด
ในส่วนของการขยายผลได้ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไปประสานงานหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องในคดี เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนเอกสารสำคัญเพิ่มเติม เพราะจะมีผลต่อการเสนออนุมัติออกหมายจับตัวการใหญ่ ที่เหนือกว่าผู้บริหารทั้ง 6 ราย ที่เข้ามอบตัวล่าสุดได้อีกต่อไป
“ส่วนการที่ผู้บริหารบริษัทรายนี้ ได้ออกมาแถลงข่าวสื่อมวลชนแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น ย่อมทำได้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา โดยมองว่าการออกมาแถลงข่าว เนื่องจากต้องการรักษาภาพลักษณ์การเป็นบริษัทจำกัดมหาชนเอาไว้ เพราะข่าวการจับกุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนรายนี้ ย่อมมีผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ที่บริษัทนี้จดทะเบียนอยู่มาก จึงต้องออกมาแถลงข่าวอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่รู้เรื่องในการบุกรุกป่าสบกกทั้งสิ้น” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวระดับสูง ที่เคยเข้าร่วมกับบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ในการปรับสภาพที่ดินหลายแปลงใน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า บริษัท ไทยรับเบอร์ฯ มีเงินทุนมหาศาล มีการจ้างวิศวกรชาวสิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง มาประจำการที่สำนักงานสาขาเชียงราย และได้ทุ่มเงินกว้านซื้อที่ดินป่าในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่จัน อ.เชียงของ อ.เชียงแสน รวมเนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่
โดยเฉพาะที่ ต.ข้าวเปลือก อ.แม่จัน เพียงอำเภอเดียว ที่ผู้บริหารบริษัทรายนี้ ได้ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินไว้แล้ว จำนวน 2,000 ไร่ เร่งดำเนินการก่อสร้างโรงงานฟอกยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งเป้าส่งออกไปจำหน่ายจำหน่ายที่ประเทศจีน ในเขตพื้นที่ภาคเหนือแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ให้ผ่านบริษัท หรือโรงงานอื่นๆ ในประเทศไทย