xs
xsm
sm
md
lg

“รมว.กห.-บิ๊กทหาร” ร่วมรดน้ำศพ 8 ทหารกล้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานรดน้ำศพ 8 ทหารกล้าที่พลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่นราธิวาส โดยมี ผบ.สส., ผบ.ทบ.แม่ทัพภาคที่ 1 และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ร่วม ตลอดจนประชาชนในจังหวัดกาญจนบุรีร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก

ความคืบหน้าพิธีรดน้ำศพ 8 ทหารกล้าของกองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยครูที่ จ.นราธิวาส วันนี้ (15 ม.ค.) เวลา 17.00 น.พลเอกบุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางถึงที่ศาลาธรรมสังเวช วัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
 
โดยมี พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส., พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ., พลโทประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1, นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.กาญจนบุรี และพลตรีเด่นชัย เชวงโชติ ผบ.พล.ร.9 พร้อม ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กลุ่มพลังมวลชนและประชาชน รวมทั้งกำลังพลของกองพลทหารราบที่ 9 กว่า 5,000 คน ให้การต้อนรับเพื่อเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ
 
ต่อจากนั้น ผู้ที่มาร่วมงานได้ทยอยเข้ารดน้ำศพทหารทั้ง 8 นาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศกของญาติมิตร และเพื่อนร่วมงานจากกองพลทหารราบที่ 9 ที่ต่างมีความรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของญาติและเพื่อนร่วมงาน

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำศพ พลเอกบุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบเหรียญบางระจัน ที่แสดงถึงความกล้าหาญและเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิต
 
ต่อมา พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้มอบเงินจากโครงการรักกันไว้คนไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นเงินที่ประชาชนได้ร่วมกันบริจาคไว้ ให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ส่วนพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.ก็มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเช่นกัน

พลเอกบุญรอด กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่ากองทัพได้สูญเสียกำลังพลมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนทุกคนไม่อยากให้เหตุการณ์ร้ายนี้เกิดขึ้น แต่ว่าอาชีพของเราต้องปฏิบัติการในสนามในพื้นที่ที่มีการสู้รบ ก็มีความเสี่ยงตามอาชีพ อาชีพของเรา คือ ค้าชีวิตอยู่แล้ว หมายถึงว่า หากมีการสู้รบเราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเผชิญเรื่องแบบนี้

ในส่วนของอาชีพนี้เราก็ต้องเตรียมตัว ไม่ว่าจะเป็นอะไร เรายอมตายเพื่อชาติเพื่อความสงบสุขของประเทศไทยอยู่แล้ว ทางด้านกำลังพลทุกคนเมื่อทุกคนทั้งครอบครัวจะรู้สึกว่ามีความสุขอย่างหนึ่ง ในชั้นต้นจะรู้สึกเสียแต่สุดท้ายก็จะรู้สึกว่ามีความสุขใจที่สมาชิกในครอบครัวได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว ถือว่าพลีชีพเพื่อชาติ

ในส่วนของผู้บังคับบัญชาตระหนักถึงความเสียสละและความกล้าหาญของกำลังพลทุกนายไม่ว่าจะเป็นระดับไหนถือว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน และพวกเราก็จะดูแลความเป็นอยู่ของคนที่เหลือโดยจะมีการให้ตอบแทนต่างๆ และในหน่วยของเราก็จะองค์การทหารผ่านศึกเข้ามาดูแล ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นการได้รับบาดเจ็บพิการ ถ้าพิการก็จะรักษาและฟื้นฟูฝึกอาชีพให้ ถ้าเสียชีวิตก็จะมีเงินก้อนหนึ่งให้ต่อไปก็จะมีเงินช่วยเหลือแต่ละครอบครัวตลอดชีพเลย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบเกี่ยวกับมาตรการการข่าวอย่างไร ว่า เรื่องการข่าวก็เป็นเรื่องที่ กอ.รมน.เป็นหน่วยรับผิดชอบในการปฏิบัติด้านการข่าวใน 3 จังหวัดภาคใต้ และส่วนราชการที่ต้องร่วมกันหลายหน่วย ส่วนการข่าว ส่วนการปฏิบัติและส่วนการพัฒนาอยู่แล้ว เรารู้ตลอดเวลาเราเสี่ยงในพื้นที่อันตรายตลอดเวลาจากการที่เราได้ทำการตอบโต้กวาดล้างต่างๆ ก็จะต้องมีปฏิกิริยา

จากสถิติก็ทำให้รู้ว่าการปฏิบัติการน้อยลง จึงทำให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้น อย่างที่เกิดความสูญเสียถึง 8 คนนี้ เกิดขึ้นจากการที่ปฏิบัติภารกิจคุ้มครองครูไปโรงเรียนที่เป็นไปตามนโยบายของ กอ.รมน.ที่ ผบ.ทบ.ดูแลอยู่ ตนจึงได้ให้นโยบายว่าต่อไปนี้จะต้องไม่มีการสูญเสียกับครูพระหรือประชาชนที่บริสุทธิ์ สิ่งนั่นเรายอมรับไม่ได้เพราะฉะนั้นเราจึงปฏิบัติตามหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อรักษาชีวิตคน แม้กระทั่งตนเองจะต้องสูญเสียก็ต้องยอม

ด้าน พลตรีเด่นชัย เชวงโชติ ผบ.พล.ร.9 เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจมากที่สูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาในครั้งนี้ และขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้สูญเสียทั้งหมด ในส่วนของการปูนบำเหน็จในฐานะต้นสังกัดก็จะเสนอปูนบำเหน็จในขั้นสูงสุดต่อไป ในส่วนของการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพรวมก็จะตั้งสวด 3 วัน หลังจากนั้น ก็จะเคลื่อนย้ายไปยังภูมิลำเนาของแต่ละท่านต่อไป

นางธีรพร นิลสนธิ อายุ 39 ปี ภรรยาของ จ.ส.อ.บุญธรรม เนียมสนธิ 1 ใน 8 ทหารที่ผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ เปิดเผยความรู้สึก ว่า ครอบครัวตนรู้สึกเสียใจมาก รับไม่ได้เพราะเสียเสาหลักของบ้าน แต่เมื่อคิดนานๆ ก็รู้สึกภูมิใจที่สามีได้รับใช้ประเทศชาติ ตอนนี้ตนก็ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกๆ

ส่วน นางแหม่ม บุญทัน อายุ 51 ปี มารดาของ ร.ต.อานนท์ บุญทัน ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ นางแหม่ม เป็นโรคมะเร็งที่เต้านมที่ลามไปถึงกระดูกได้เดินทางมาร่วมงานรดน้ำศพบุตรชายในสภาพนั่งรถเข็นพยาบาลมาร่วม เปิดเผยความรู้สึกว่า ตอนแรกที่ได้รับฟังข่าวก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่พอทราบว่าเป็นบุตรชาย เพราะผู้พันที่เป็นผู้บังคับบัญชาโทร.มาบอกข่าวว่าลูกชายเสียแล้ว ก็รู้สึกตกใจมาก ตนอยู่บ้านคนเดียวทำอะไรไม่ถูก ลูกชายคนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว ตนมีบุตร 3 คน คนนี้เป็นคนโตที่ช่วยดูแลทุกคนในบ้านที่ปทุมธานี ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเช่นกัน





กำลังโหลดความคิดเห็น