ตร.พัทยารวบเอเยนต์นาฬิกา-วีซีดีเถื่อนของกลางเพียบ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจพัทยาโชว์ฟอร์มต่อเนื่องออกกวาดล้างพ่อค้าจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยว ได้ของกลางหลายรายการ เผยปฏิบัติการเชิงรุกหวังแก้ภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อการท่องเที่ยวท้องถิ่น

วันนี้ (15 ม.ค.) พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผกก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทำการควบคุมตัว นายวัชโรทัย ชัยกำธร อายุ 44 ปี นายทอง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายเท่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และนายทวี บุญแท่ง อายุ 37 ปี พร้อมของกลางเป็นนาฬิการละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อดังหลายรายการรวมกว่า 500 เรือน และแผ่น DVD ภาพยนตร์ต่างประเทศกว่า 1,000 แผ่น มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังออกกวาดล้างกลุ่มค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าจะรับสินค้าดังกล่าวมาจากตลาดมืดในกรุงเทพฯ ก่อนจะมาเร่ขายต่อให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตามย่านธุรกิจสำคัญของเมืองพัทยา ไม่ว่าจะเป็น ย่านวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ย่านบาร์เบียร์ถนนพัทยาสาย 2 และย่านริมชายหาดพัทยา ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายวัชโรทัยดำเนินคดีโดยกล่าวหา “เสนอหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น” ส่วนที่เหลือดำเนินคดีในข้อหา “ขาย หรือเผยแพร่เทปวัสดุโทรทัศน์ที่ปลองแปลงเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พ.ต.อ.นภดล เผยว่า ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่มุ่งหวังจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านความอุ่นใจของประชาชน และนักท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี โดยเมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตามข้อมูลการทำงานของเจ้าหน้าที่พบว่า กลุ่มแก๊งพ่อค้าจำหน่ายนาฬิกาหรือแผ่นหนังละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นประชากรแฝงที่มักสร้างความรำคาญและรบกวนใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยจะรบเร้าให้ซื้อสินค้า ถ้าไม่พอใจก็จะทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนับว่าสร้างความเสียหายต่อภาพพจน์เมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าออกกวาดล้างจับกุมกลุ่มที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ขบวนการดังกล่าวหมดสิ้นไป และเพื่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่งดงามของจังหวัดชลบุรีอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน

ด้าน พ.ต.ท.ศุภชัชจ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มแก๊งค์เหล่านี้มีเครือข่ายเชื่อมต่อกันตลอดเวลา เมื่อจับกุมได้คนหนึ่ง ที่เหลือก็จะกระจายข่าวต่อๆ กัน เพื่อหลบเลี่ยงสายตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะดำเนินการกฏิบัติงานเชิงรุก ออกกวาดล้างกลุ่มแก๊งค์ดังกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้พ่อค้าที่ยึดอาชีพผิดกฎหมายเช่นนี้ได้น้อยลง และหมดไปในที่สุด ซึ่งจะได้จัดทำทะเบียนประวัติของกลุ่มแก๊งค์ดังกล่าว เพื่อมิให้หวนกลับมาทำอาชีพรบกวนใจนักท่องที่ยวซึ่งสร้างความเสื่อมเสียเช่นนี้อีก