ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - จังหวัดชัยภูมิ ร่วมตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สนธิกำลังสกัดจับขบวนการลักลอบขนไม้ต้องห้ามได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางเต็มรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ 6 ล้อ หลังได้รับแจ้งข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ ผู้ว่าฯเต้นสั่งคุมเข้มป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูป่าไม้ที่ถูกลักลอบตัดจนเสื่อมโทรม
วันนี้ (10 ม.ค.) ที่หน่วยงานป้องกันรักษาป่าไม้ชัยภูมิที่ 2 นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิสาร์ท สมปราชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบขนไม้หวงห้าม ได้ผู้ต้องหา 2 คน คืน นายสำราญ ยนชัย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 387 หมู่ 2 บ้านนาคำ ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และ นายแดง น้อยเหล็กดีอายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 2 บ้านหนองหญ้า ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมของกลางเป็นไม้หวงห้าม ได้แก่ ไม้แดง ไม้ตะเคียน ตัดเป็นท่อน จำนวน 41 ท่อน และรถบรรคอนเทนเนอร์ ทุก 6 ล้อ ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 82-25309 อุบลราชธานี ข้างรถมีอักษรจางๆ เขียนว่าขนส่งไปรษณีย์
นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ เพราะได้แจ้งข่าวมายังทางจังหวัดว่าจะมีนายทุนมาลักลอบขนย้ายไม้ต้องห้ามในหมู่บ้าน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ หน่วยรักษาป่าไม้ชัยภูมิ ที่ 6, 8 ,9, หน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ (นปม.ชย.) สนธิกำลังเพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหา
จนพบรถต้องสงสัยหมายเลขทะเบียน 82-2530 อุบลราชธานี ตามที่ได้รับแจ้งข่าวจากชาวบ้าน ซึ่งมี นายสำราญ ยนชัย เป็นคนขับ ที่ถนนชัยภูมิ-ทรัพย์ศรีทอง และเข้าไปเขตหมู่บ้านเมืองทองพัฒนา ซึ่งอยู่ติดกับเขตป่าสงวนแห่งชาติภูแลนคา จึงได้ติดตามรถบรรทุกคันดังกล่าว เมื่อมาถึงบริเวณป้อมยามบ้านห้วยชันจึงแสดงตนเข้าจับกุม ตรวจค้นภายในรถ พบของกลางเป็นไม้หวงห้าม จำนวน 41 ท่อน เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม้หวงห้าม ประกอบด้วยไม้แดง ไม้ตะเคียน ตัดเป็นท่อน ขนาดความยาว 25 เมตรซุกซ่อนในรถที่ปกปิดอย่างมิดชิด รวมมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท
เบื้องต้นผู้ต้องให้การสารภาพว่า ได้รับจ้างจากนายทุนให้ขนไม้จากหมู่บ้านเพื่อนำไปส่งให้นายทุนในกรุงเทพฯ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ เพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลหาผู้ว่าจ้างและผู้ร่วมขบวนการต่อไป
นายถาวร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้สั่งการและกำชับให้นายอำเภอได้ตรวจสอบพฤติกรรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า และขนย้ายในพื้นที่ หากไม่รายงานและมีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยใช้มาตรการปกครอง ห้ามประกันตัวในกรณีที่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“ขณะนี้ป่าในเขตพื้นที่ชัยภูมิที่เหลืออยู่ขาดความสมบูรณ์ มีร่องรอยการบุกรุกทำลายป่าเป็นบริเวณกว้างจังหวัดได้เร่งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฟื้นฟูป่าไม้ พร้อมกับได้วางมาตรการป้องกันปราบปรามให้เจ้าหน้าที่ ร่วมกับอาสาสมัครในหมู่บ้านออกลาดตระเวนป่าในพื้นที่ของตน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกให้เกิดความรักษ์ หวงแหนและสามารถอยู่ร่วมกับป่าไม้ และธรรมชาติได้โดยไม่มีการสูญเสีย” นายถาวรกล่าว