ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตีนผีสัตหีบซิ่งกระบะชนระนาว มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิตอีก 1 ราย สุดท้ายหนีเข้ากลีบเมฆหายจ้อย
วันนี้ (8 ธ.ค.) พ.ต.ท.นิพนธ์ ป้อมสนาม สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ 2 คัน ถูกเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 176 เส้นทางสัตหีบ-ระยอง บริเวณหน้าหมู่บ้านเอกธานีโครงการ 1
ส่วนรถที่ก่อเหตุได้รับแจ้งเป็นรถกระบะสีบรอนซ์ ไม่ทราบรุ่น และหมายเลขทะเบียน หลังก่อเหตุได้มุ่งหน้าไปทางจังหวัดระยอง จึงได้วิทยุสกัดจับรถคันดังกล่าวแต่พบ และได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ทำการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาสารวัตรเวรพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และรถกู้ชีพห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นอนได้รับอยู่บนถนน ทราบชื่อคือ นายศิวเดช มุขสิสาร อายุ 17 ปี ไม่ทราบที่อยู่ อาการสาหัสนอนจมกองเลือดอยู่ข้างเกาะกลางถนน มีเลือดไหลออกจากหูจำนวนมาก และขาซ้ายกระดูกแหลกละเอียด เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน ขธย 918 ระยอง สภาพพังยับเยิน
ใกล้เคียงพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย นอนหายใจรวยริน และขาซ้ายหักผิดรูป ทราบแต่เพียงชื่อเล่นว่า ตี๋ ซึ่งเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นอากีร่า สีแดง หมายเลขทะเบียน ป 5816 ชลบุรี โดยมี พลทหารอุดร พิมพ์พันธ์ อายุ 23 ปี สังกัด พันช่างกองพลนาวิกโยธิน นั่งซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน ซึ่งแพทย์ได้ช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแต่นายศิวเดช ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบถาม พลทหารอุดร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายตี๋ ออกมาจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มุ่งหน้าไปตลาดกิโลเมตรที่ 10 ขณะที่รถวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถกระบะสีขาว ไม่ทราบรุ่น และหมายเลขทะเบียน วิ่งมาด้วยความเร็วชนเข้าบริเวณท้ายรถอย่างจังจนรถเสียหลักพลิกคว่ำ และได้พุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายศิวเดช ที่วิ่งอยู่คันหน้าจนกระเด็นชนกับเกาะกลางถนน ก่อนจะเร่งเครื่องหนีหายไปจากที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอนายตี๋ หายดีเสียก่อน จึงจะทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เนื่องจากพลทหารอุดร ยังอยู่ในอาการมึนเมา และให้การวกวน