เลย - แม่เด็กวัย 8 ขวบ ผู้ป่วยโรคหัวใจตีบในโครงการแพทย์ พอ.สว.ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เผยเสียใจสุดซึ้งกับการสิ้นพระชนม์ ลั่นจะเป็นคนดีและทำความดีถวาย
ที่บ้านเลขที่ 308 หมู่ 3 ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเลย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัว ด.ญ.บุญญาณี เถาว์เมฆ อายุ 8 ปี ผู้ป่วยที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ของโครงการแพทย์ พอ.สว.
นางเยาวภา เถาเมฆ อายุ 45 ปี มารดา ด.ญ.บุญญาณี เปิดเผยว่า ตนมีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่แรกเกิด เป็นโรคหัวใจตีบ หัวใจรั่ว (หัวใจชนิดเขียว) และไม่มีทวารหนัก
เริ่มรับการผ่าตัดรักษาครั้งแรกตอนอายุเพียง 1 เดือน หมอบอกว่า ลูกสาวมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เวลาร้องไห้ก็จะตัวเขียว อาการเจ็บป่วยของลูกสาว ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงการรักษาครั้งสุดท้าย เป็นเวลา 5 ปี ทำให้ครอบครัวต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ตนมีอาชีพขายนม (ยาคูลส์) ส่วนสามีมีอาชีพขับสามล้อ เงินที่หามาได้ต้องนำไปจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลเกือบทั้งหมด
จนกระทั่งเขาอายุได้ 3 ขวบ แพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น แนะนำให้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากโครงการแพทย์ พอ.สว.ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยการเขียนจดหมาย และเข้าทำการรักษาตามหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ตามจุดบริการต่างๆก่อนผ่าตัดหมอบอกว่ามีโอกาสรอดกับตายเท่ากัน แต่หลังการผ่าตัด อาการป่วยก็ดีขึ้นมาก
ตอนนี้ผ่านการผ่าตัดไปแล้ว 7 ครั้ง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ใน 7 ธันวาคม 2544
นางเยาวภา กล่าวทั้งน้ำตา ว่า ถ้าไม่มีท่าน ลูกสาวคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตมาจนถึงวันนี้ เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินมารักษาลูก มันจนจริงๆ บางครั้งถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีที่ยึดเหนียวจิตใจนั้น ก็คือ ลูก และในหลวง
ปัจจุบันหมอได้ทำการย้ายหัวใจ ซึ่งก่อนจากนี้อยู่ด้านขวามือ กลับมาอยู่ที่ด้านซ้าย ให้เหมือนคนปกติ หลังมีการผ่าตัดครั้งสุดท้าย
นางเยาวภา กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สิ้นพระชนม์ ก็รู้สึกเสียใจและเสียดายอย่างสุดซึ้ง ตลอดเวลาที่ท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตนก็จะตั้งจิตอธิษฐานให้ท่านหายป่วย กลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม
“พวกเราจะตอบแทนพระคุณของท่านด้วยการทำความดี และหลังจากนี้ไปจะปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคมเพื่อถวายแด่ในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ” นาวเยาวภา กล่าว
