xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจจี้รบ.ใหม่ฟื้นความเชื่อมั่นใน6เดือน - เตือนเลิกระบอบสุดโต่งก่อนพังทั้งประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย
ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ภาคธุรกิจหลายจังหวัดในภาคเหนือ จี้รัฐบาลใหม่ฟื้นความเชื่อมั่น-สร้างสมานฉันท์เป็นอันดับแรกใน 6 เดือนไม่เช่นนั้นทุกอย่างพัง เตือนเลิก “ระบอบสุดโต่ง” คาดหลังสังคมไทยสมานฉันท์ทุกระดับแผนพัฒนาเศรษฐกิจจะตามมา รองเลขาหอฯไทยถามคนไทยเข็ดหรือยังผู้นำที่ทุจริต ย้ำนายกฯใหม่ต้องสุจริตเท่านั้น ด้านประธานหอการค้าจังหวัดตราด จี้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศให้เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคการเกษตร

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นภายหลังการเลือกตั้ง ส.ส.แล้วว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องทำหลังจากคนไทยทั้งประเทศมอบอำนาจให้แล้วก็คือฟื้นความเชื่อมั่น สร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทยทุกระดับให้ได้ภายใน 6 เดือน ซึ่งเมื่อความเชื่อมั่นฟื้นกลับมาแล้วแผนพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆ ก็จะตามมาทั้งสารพัดเมกกะโปรเจกต์ที่คั่งค้างอยู่ ทิศทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ วิกฤตราคาน้ำมัน ปัญหาเงินเฟ้อ สินค้าแพง ฯลฯ ล้วนแต่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นทางการเมือง

“ถ้าใน 6 เดือนรัฐบาลใหม่ ยังไม่สามารถสร้างสมานฉันท์ขึ้นในสังคมไทย ยังคงแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างจะพังหมด”

นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองเลขาธิการกรรมการหอการค้าไทยและกรรมการหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำก็คือ พรรคที่เป็นแกนนำที่พูดและหาเสียง ไม่ว่ารถไฟฟ้าสีอะไรก็ต้องทำตามนโนบาย เป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นเมกกะโปรเจกต์ที่ค้างอยู่ รัฐบาลใหม่ก็ต้องสะสางให้หมด

“สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องการคือผู้นำรัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์มาก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ส่วนฝีมือเชิงเศรษฐกิจนั้นอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า พรรคใดก็ทำได้ ที่ผ่านมาต้องบอกว่า ยังไม่เข็ดอีกหรือกับคำว่า ผู้นำที่ไม่สุจริต สร้างปัญหาให้ประเทศต่อเนื่องมาหลายปี”

ตากจี้สานต่อการพัฒนาชายแดนไทย

ด้านนายอำนาจ นันทหาร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก บอกว่า อยากให้รัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล เร่งเข้ามาแก้ปัญหา 3 ด้านหลักๆ คือ ปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาราคาน้ำมัน และปัญหาเรื่องระบบน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาปากท้องสำคัญของประชาชนทุกระดับ อย่างไรก็ตามรัฐบาล ควรมีเสถียรภาพ มีความเป็นกลางไม่เอนเอียงแบบสุดโต่ง สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ

“ในส่วนของภาคเอกชนชายแดนจังหวัดตาก ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการค้าชายแดนประตู่สู่ตะวันตกเชื่อมประเทศเพื่อนบ้านและเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสำคัญๆ โดยเฉพาะสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม ส่งต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการเมืองที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าในการสานต่อการพัฒนายุทธศาสตร์เศรษฐกิจชายแดนที่ชะงักไปปีกว่า ตามปฏิญญาพุกามนั้นประเทศเพื่อนบ้านได้เดินหน้าไปแล้ว”

ส่วนนายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า หลังเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด เศรษฐกิจก็จะกระเตื้องขึ้น ดูผลจากไตรมาสแรกของปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2551 คาดว่าตัวเลขการค้าชายแดน ด้าน อ.แม่สอด ตัวเลขจะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เฉลี่ยเดือนละ 1,000-1,500 ล้านบาท ประกอบกับอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่, ตรุษจีน จะทำให้มีเม็ดเงินจากการค้า การท่องเที่ยวกระจายเข้ามาสู่ชายแดนด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ช่วงไตรมาสต่อไปจนถึงสิ้นปีก็จะดีขึ้นตามลำดับโดย ได้รับอานิสงส์จากเงินทุนจากไตรมาสแรกสนับสนุนในการเก็บสต๊อกสินค้าของพ่อค้าชาวไทย โดยมีพ่อค้าพม่าเป็นคู่ค้าของไทย คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตจนถึงสิ้นปี 2551 ประมาณ 50-60%

นายอำพล กล่าวอีกว่า ทางผู้ประกอบการค้าหวังรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะต้องสร้างความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลทหารพม่า เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี ต่อการค้าและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายแดนด้าน อ.แม่สอด มีมูลค่าส่งออกปีละกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไทยยังได้เปรียบการค้า โดยไทยยังส่งสินค้าด้านอุปโภคบริโภค, อุปกรณ์ก่อสร้างน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่ไทยนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรจากพม่า ข้าวและข้าวโพด ไม้สัก อัญมณี และอาหารทะเล มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี

“ขอให้รัฐบาลใหม่สานต่อในเรื่องของการพัฒนาเส้นทางอีสเวสต์คอริดอร์ เชื่อมแม่สอด-เมียวดี ระยะทางยาว 500 กม.โดยมีแม่สอดเป็นศูนย์กลาง ทางการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จขาดอีกกว่า 60% หากเส้นทางดำเนินการเสร็จก็จะทำให้การค้า การท่องเที่ยวมีความสะดวก ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนหันมาลงทุนในภูมิภาคนี้เพิ่มมากขึ้น”

ตอ.บี้แก้ปัญหาเกษตร-ค้าชายแดน

ทางด้านนายสุพจน์ เลียดปฐม ประธานหอการค้าจังหวัดตราด เผยว่า ปัญหาใหญ่ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยเฉพาะชาวสวนใน จ.ตราด จันทบุรี และระยอง ที่จะต้องเจอตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เรื่อยไปจนถึงกลางปีก็คือจำนวนผลไม้ที่ล้นตลาด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยขาดผู้นำที่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลต่อต้นทุนการขนส่ง

“เราได้แต่ฝากความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้และแนวโน้มเศรษฐกิจก็น่าจะกระเตื้องขึ้น โดยที่ผ่านมาเกษตรกรในภาคตะวันออกต้องแบกรับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ปุ๋ยและต้นทุนการผลิตต่างๆ แต่การระบายผลไม้ที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นในทุกปีกลับไม่เกิดขึ้น เพราะเราขาดผู้นำที่กล้าตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างจริงจัง ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาตกค้างต่างๆ ไม่เช่นนั้นเราจะเห็นชาวสวนโค่นต้นผลไม้ หรือแม้แต่ภาพการก่อม็อบชาวสวนเพื่อเร่งให้รัฐบาลหาทางช่วยเหลือต่อไป”

ส่วนนายวันชัย เกียรติดำรงวงษ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เผยถึงสิ่งที่ต้องการได้รับจากรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศก็คือ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดนต้องการเห็นการทวงความเป็นเจ้าตลาดอินโดจีนคืนจากประเทศจีนและสิงคโปร์ เพราะที่ผ่านมาผู้ค้าไทยประสบปัญหาเรื่องความไม่สะดวก ในการส่งออกและนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้สูญเสียตลาดการค้าและการส่งออกให้แก่คู่แข่งอย่างจีนและสิงคโปร์

ดังนั้น หากรัฐบาลใหม่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งในแง่ของการคืนภาษีให้แก่พ่อค้าเร็วขึ้นและอำนวยความสะดวกเรื่องการส่งออกและนำเข้าสินค้า ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้าตลาดอินโดจีนของไทยกลับคืนมา

ส.นักธุรกิจฯพัทยาหวังรัฐบาลใหม่
สานโครงการพัฒนาสาธารณูปโภค

นายธเนศ ศุภรสหัสรังษี อุปนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผยว่า สิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาและการท่องเที่ยวทั่วประเทศต้องการได้ รับจากรัฐบาลใหม่ คือการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งของประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามายังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะเมืองพัทยาที่ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่ยังต้องประสบปัญหา คือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำและการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังพัทยาที่ไม่สะดวกเพราะสภาพถนนที่ยังไม่ดีพอ ดังนั้น การสนับสนุนโครงการก่อสร้างถนนสายต่างๆ มายังเมืองพัทยาและภาคตะวันออก จึงเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวต้องการได้รับจากรัฐบาล นอกจากนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงให้เกิดขึ้นจริง เพื่อรองรับการขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นอีกสิ่งที่นักธุรกิจต้องการเห็นเพราะจะก่อให้เกิดการลงทุนอีกมหาศาล

เช่นเดียวกับนายสุรศักดิ์ จงเกื้อตระกูล ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาศรีราชา จ.ชลบุรี เผยว่าแม้ตลอดปี 2550 ภาวะการใช้จ่ายภาคประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี จะอยู่ในขั้นชะลอตัวจากปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายของประชาชนและนักลงทุน นั่นก็คือราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป จนกระทบต่อภาวะการจ้างงานและการลงทุนใหม่ ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

ในปี 2551 ประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัจจัยฉุดรั้งการใช้จ่ายของประชาชน ที่สำคัญภาคเอกชนหลายส่วน จะจับตามองว่ารัฐบาลใหม่สามารถแก้ไขปัญหา และสร้างความมั่นใจทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนได้มากน้อยเพียงใด

ผู้ว่าฯชลบุรีหวังให้แก้ไขปัญหาขาดน้ำ

นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตนมีความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ รวมทั้งยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเมืองเกษตรกรรมแต่กลับพบปัญหาเรื่องน้ำไม่พอใช้ จึงฝากความหวังไปยังรัฐบาลใหม่ให้สนับสนุน การสร้างเขื่อนคลองหลวง ที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นไปตามพระราชดำริของในหลวง ที่ให้ไว้เมื่อปี 2527

“ถ้ารัฐบาลจัดสร้างเขื่อนคลองหลวง ในขณะนั้นจะใช้เงินลงทุนแค่ 200 ล้านบาท แต่ขณะนี้ต้นทุนการดำเนินการได้ขยับสูงถึง 5,000 ล้าน และถึงแม้ว่าราคาก่อสร้างจะสูงขึ้นเพียงใดก็จำเป็นต้องดำเนินการต่อไป เพราะเขื่อนแห่งนี้จะสามารถจุน้ำได้ถึง 100 ล้านลูกบาศก์เมตรและจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ควรสร้างรถไฟสปีดเทรน ระยะ 300 กม.จากชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งทั้ง 4 จังหวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และจะสามารถเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวสู่ระดับโลกได้”

เอกชนกระบี่อยากให้รัฐบาลใหม่มีสติ

นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นพรรคการเมืองที่ได้จัดตั้งรัฐบาล ให้ตั้งสติให้มั่นว่า จะเดินไปทิศทางใด พร้อมกับหยุดหลงตัวเอง และอย่าหลงอำนาจ เพราะจะพาประเทศชาติให้ยุ่งเหยิงอีก และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาสังคม และการศึกษาเป็นประเด็นแรก เพราะหากคนในสังคมยังด้อยการศึกษา การพัฒนาเศรษฐกิจ ก็จะไม่มีความก้าวหน้า

ขณะที่นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ตนอยากเห็นโฉมหน้าของรัฐบาลใหม่ ก็คือ อย่าทะเลาะกัน ให้เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก เรื่องอะไรที่ยอมกันได้ก็ให้ยอมกันบ้าง และเมื่อชัดเจนแล้วสิ่งที่ควรจะทำเร่งด่วนก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันภาคการลงทุนต่างๆ มีการชะลอตัวทุกอย่าง เพราะนักลงทุนจะรอดูท่าทีนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก จึงเข้ามาลงทุน

หอฯร้อยเอ็ดเชื่อหลังรัฐบาลใหม่ศก.ฟื้น

นายสถาพร มงคลศรีสวัสดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักธุรกิจและนักลงทุนต่างประเทศ มีความเชื่อมั่นหวนกลับเข้ามาลงทุนในไทยอีกครั้


“การได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยภาคการเกษตรของภาคอีสานในปี 2550 ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ มีการปลูกมากในหลายจังหวัดภาคอีสาน มีการขยายตัวด้านการส่งออกสูงมากในรอบ 30 ปี ทั้งราคาตลาดข้าวหอมมะลิ ปรับสูงขึ้นไปถึงระดับ 9,500-9,600 บาทต่อตัน ซึ่งสูงกว่าราคาจำนำของรัฐบาลที่ตั้งไว้ที่ 9,300 บาทต่อตัน”

นายสถาพร กล่าวต่อว่า เมื่อได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะทำให้กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศคู่ค้าของไทย นำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะเป็นโอกาสทองของประชาชนระดับฐานรากในภาคอีสานมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและน่าจะส่งผลต่อเนื่องกับภาคธุรกิจต่างๆ โดยรวมทั้งภาคอีสาน สามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีเช่นกัน

“ประเด็นที่รัฐบาลใหม่ ควรเร่งเข้ามาแก้คือการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนให้สูงขึ้น เนื่องจาก ปัญหาเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา กระทบความเชื่อมั่นภาคประชาชนไม่กล้าใช้จ่าย จนทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงมาก หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนได้ คาดว่าจะช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศปี 2551 ขยายถึงร้อยละ 5 แน่นอน” นายสถาพร กล่าว

หอฯบุรีรัมย์ต้องการรัฐบาลมีเสถียรภาพ

นายบุญสม ผ่องบุพกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตาม ต้องมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ ที่สำคัญจะต้องมีความสมานฉันท์ ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายใน

นอกจากนั้นควรจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องแหล่งน้ำให้แก่เกษตรกรให้มีน้ำใช้ในการทำการเกษตรอย่างเพียงพอ มีรายได้ตลอดทั้งปี เพราะส่วนมากคนอีสานกว่าร้อยละ 80 จะมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร หากคนกลุ่มนี้มีอาชีพมีเงินใช้จ่ายก็จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจการค้าในภูมิภาคนี้ได้

“อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ผลักดันงบประมาณมาก่อสร้างและพัฒนาถนนเพื่อความสะดวกในการสัญจรขนส่งสินค้าทางการเกษตรเนื่องจากปัจจุบันถนนมีสภาพเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งยังจะช่วยเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ภาคอีสานให้มีความสะดวกสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวมากขึ้นเป็นการนำเม็ดเงินมาใช้จ่ายสะพัดในพื้นที่ กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม”
กำลังโหลดความคิดเห็น