กาญจนบุรี.....
สนามหาเสียงรับการเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี ซึ่งมีอยู่ 2 เขตเลือกตั้ง มี ส.ส.ทั้งหมด 5 คน ช่วงโค้งสุดท้ายนี้มีความเข้มข้นและดุเดือดมากขึ้นตามลำดับ และเป็นปกติของพื้นที่ที่ได้ชื่อว่า “มีผู้มีบารมีและอิทธิพล” อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเป็นการแข่งขันกันระหว่าง 3 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคชาติไทย (ชท.) และพรรคพลังประชาชน (พปช.) หรือพรรคไทยรักไทย (ทรท.) เก่า
โดยเขต 1 มี ส.ส.ได้ 3 คน ครอบคลุมพื้นที่ 9 อำเภอ คือ อ.เมืองกาญจนบุรี, ไทรโยค, ทองผาภูมิ, สังขละบุรี, บ่อพลอย, ศรีสวัสดิ์, เลาขวัญ, ห้วยกระเจา และหนองปรือ ซึ่งถือว่าเป็นเขตเลือกตั้งที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีผู้สมัครนักการเมืองที่มีชื่อเสียง เป็นอดีต ส.ส.ลงสมัคร 5 คน เป็นอดีต ส.ว.ลงสมัคร 1 คน ที่เหลือเป็นภาคเอกชนและอดีตข้าราชการ
การหาเสียงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่กว้าง ทำให้เหล่าผู้สมัครต้องวิ่งรอกลงพื้นที่อย่างจ้าละหวั่น
ภาพรวมบรรยากาศการหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับเสียงความสนใจจากประชาชนและน่าจะเป็นตัวเต็งมีจำนวน 6 คน
1.นายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร พรรคชาติไทย อดีต ส.ส.กาญจนบุรี เขต 4 ที่มีฐานคะแนนเดิมจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วอยู่ 50,000 กว่าคะแนนในเขตพื้นที่ อ.บ่อพลอย, เลาขวัญ และ ห้วยกระเจา และเนื่องจากเคยเป็นประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดกาญจนบุรี อีกทั้งยังเป็นลูกเมืองกาญจน์ที่เกิดในเขตตัวเมืองกาญจนบุรีจึงทำให้มีเพื่อนฝูงกำนันผู้ใหญ่บ้านและญาติพี่น้องจำนวนมากพอสมควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จึงทำให้คะแนนน่าจะทำให้เข้าวินไม่ยากนัก
2.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ พรรคพลังประชาชน อดีต ส.ส.กาญจนบุรี เขต 1 ที่มีฐานคะแนนรองรับจากเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประมาณ 36,000 คะแนน ที่ได้เปรียบในความเป็นคนพื้นที่เป็นลูกเมืองกาญจน์โดยกำเนิด และประกอบกับภาพลักษณ์ที่หลังจากที่ได้เป็น ส.ส.1 สมัย ทำตัวติดดินไม่ทิ้งชาวบ้าน และสร้างไมตรีกับกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและผู้นำท้องที่ในเขตพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี จนเป็นที่ยอมรับจากผู้นำท้องถิ่นว่าเป็น ส.ส.ของเมืองกาญจนบุรี
รวมทั้งพี่น้องที่เป็นอดีตข้าราชการที่ได้รับการยอมรับจากอดีตเพื่อนร่วมงานกับได้รับการสนับสนุนจากอดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กาญจนบุรี ที่ขณะนี้เตรียมลงพื้นที่หาเสียงเพื่อเตรียมเลือกตั้ง ส.อบจ.หลังจากเลือกตั้ง ส.ส.ในเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงทำให้การลงพื้นที่ในเขตอำเภอใหม่จำนวน 8 อำเภอได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว และถือว่าเป็นตัวเลือกที่ประชาชนให้กำลังใจมากเช่นกัน
3.พล.ท.มะ โพธิ์งาม พรรคพลังประชาชน อดีต ส.ส.กาญจนบุรี เขต 5 ที่มีฐานคะแนนเดิมเกือบ 30,000 คะแนน ที่ลงพื้นที่อย่างได้เปรียบบุคคลอื่นๆ เนื่องจากเดินหาเสียงในฐานเสียงของ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งมากพอสมควร และได้รับการสนับสนับสนุนจาก ส.อบจ.บางส่วนรวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นชอบในบุคลิกลูกทุ่งเป็นกันเอง ทำให้การลงพื้นที่มีเครือข่ายมากพอสมควร
4.นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกชายคนโตของ “กำนันเซียะ” ที่มีฐานคะแนนจัดตั้งของพรรคที่กระแสดี ประกอบกับมีฐานคะแนนของตัวเองและฐานคะแนนของกำนันเซี้ยผู้เป็นพ่อมาหนุนเพิ่มทำให้มีคะแนนสะสมมากทีเดียว
5.นาวาโทนายแพทย์เดชา สุขารมณ์ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรี และเป็น ส.ส.หลายสมัย แต่ในครั้งที่ผ่านมาเป็น ส.ส.ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ จึงทำให้ห่างการลงพื้นที่มากพอสมควร แต่ในส่วนของประสบการณ์ที่เป็น ส.ส.มาหลายสมัยเคยต่อสู้ทั้งในระบบเขตใหญ่และเขตเดียวเบอร์เดียว ทำให้รู้ช่องทางในการหาคะแนนมากเช่นกันจึงไม่สามารถประมาทได้
6.พล.อ.วัฒนา สรรพานิช พรรคมัชฌิมาธิปไตย อดีต ส.ว.กาญจนบุรี ที่เป็นอดีต ผบ.พล.ร.9 ที่มีอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาและอดีตกลุ่มผู้บริหารการศึกษารวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นบางส่วนออกเดินหน้าร่วมลงพื้นที่ทำให้ได้รับการตอบรับจากประชาชนเช่นกัน
เมื่อมาวิเคราะห์คะแนนความนิยมของผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมด 6 คน ในเขต 1 กาญจนบุรี นี้ แล้ว ผู้ที่น่าจะได้เปรียบมากที่สุด 3 คนแรกน่าจะเป็น “นายไพบูลย์, พล.อ.สมชาย และ พล.ท.มะ”
แต่ผลการเลือกตั้งสามารถพลิกได้ทุกเมื่อเนื่องจากทั้ง “นายอัฏฐพล” และ “หมอเดชา” มีกระแสพรรคหนุนในเขตตัวเมืองกับฐานคะแนนเดิมของ “กำนันเซียะ” ก็อาจจะทำให้โค้งสุดท้ายเบียดเข้ามาได้เช่นกัน
ส่วน “พล.อ.วัฒนา” นั้นมีฐานคะแนนทางทหารให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังนั้น โอกาสที่จะติด 1 ใน 3 ก็พอมีทางหากโค้งสุดท้ายมีกระแสตอบรับแรงขึ้นมาตลอด
เขต 2 มี ส.ส.ได้ 2 คนพื้นที่เลือกตั้งครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อ.ท่าม่วง, ท่ามะกา, ด่านมะขามเตี้ย และพนมทวน ถือว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่า 2 ค่ายใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ คือ นายประชา หรือ “กำนันเซียะ” โพธิพิพิธ ที่ลงสมัครคู่กับ นายปารเมศ หรือ “กำนันบอย” โพธารากุล กับ ผู้สมัคร 2 พ่อลูกตะกูล “จีนาภักดิ์” คือ นายสันทัด จีนาภักดิ์ กับ นายสทิตย์ จีนาภักดิ์ พรรคพลังประชาชน โดยมี 2 เสือหนุ่มจากพรรคชาติไทย คือ นายฉัตรพันธ์ หรือ “ส.จ.แมน” เดชกิจสุนทร กับ นายพรรษา หรือ “ส.จ.โก๊ะ” สายทอง อดีต ส.อบจ.กาญจนบุรี ที่ลงสนามสู้ศึกในครั้งนี้
เมื่อมาวิเคราะห์ภาพรวมบรรยากาศการหาเสียงของผู้สมัครในเขต 2 ซึ่งมี ส.ส.ได้ 2 คนผู้ที่คาดว่าจะได้รับเสียงความสนใจจากประชาชนและน่าจะเป็นตัวเต็ง คือ
1.นายประชา โพธิพิพิธ พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าได้เปรียบในเรื่องชื่อชั้นและความที่เคยเป็นอดีตกำนัน จึงทำให้บรรดาผู้นำท้องถิ่นให้การยอมรับ ประกอบกับมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 ซึ่งมีเครือข่ายเกษตรกรและมีพันธมิตรในส่วนของภาคอุตสาหกรรมน้ำตาลมากพอสมควร จึงน่าจะได้คะแนนจากฐานเสียงที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยฐานเสียงอยู่ในเขตอำเภอท่ามะกาเป็นหลัก
2.นายสันทัด จีนาภักดิ์ พรรคพลังประชาชน อดีต ส.ส.กาญจนบุรีเขต 2 ที่มีฐานคะแนนเดิมจำนวน 38,000 คะแนน จากการเลือกตั้งครั้งก่อนเป็นคะแนนที่ตุนไว้เป็นทุน ประกอบกับมีผู้นำท้องถิ่นและนักการเมืองท้องถิ่นให้การสนับสนุนมากพอสมควร รวมทั้งเป็นพี่ชายของ นางอุไรวรรณ พงษ์ศักดิ์ นายก อบจ.กาญจนบุรี จึงทำให้การลงพื้นที่สะดวกและได้รับการยอมรับมากเช่นกัน
3.นายปารเมศ โพธารากุล พรรคประชาธิปัตย์ มีฐานคะแนนเลือกตั้งในเขตพื้นที่กาญจนบุรี เขต 3 ในการเลือกตั้งครั้งก่อน 40,000 กว่าคะแนนเป็นฐานรองรับเช่นกัน และประกอบกับมีพรรคพวกเพื่อนฝูงในแวดวงนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก รวมถึงคะแนนสงสารที่คะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งก่อนชนะแต่ถูกตัดสิทธิ จึงทำให้ประชาชนสงสารมากขึ้น ดังนั้น จึงทำให้ใครก็ไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน
เมื่อมาวิเคราะห์ คะแนนความนิยมของผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมดในเขต 2 กาญจนบุรี “กำนันเซียะ” ถือว่าได้เปรียบชื่อชั้นและฐานคะแนน ดังนั้น น่าจะผ่านการเลือกตั้งได้อย่างไม่ยาก ส่วน “นายสันทัด” น่าจะเข้าที่ 2 ชนะ “นายปารเมศ” อย่างสูสีแบบต้องวัดกันด้วยภาพถ่าย แต่หาก “นายสันทัด” เจาะฐานคะแนนที่ อ.ท่ามะกา ไม่ได้มากนัก และ “นายปารเมศ” สามารถได้รับคะแนนจากพื้นที่ อ.ท่าม่วง มากพอสมควรก็สามารถพลิกกลับเข้าวินได้เช่นกัน
แต่สุดท้ายสนามนี้ ซึ่งมีอยู่ 2 เขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ 5 คนต้องไปวัดกันในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้