นครปฐม - แก๊งปาหินใส่รถอาละวาดอีก คราวนี้เกิดขึ้นที่บริเวณบนถนนเพชรเกษม ในพื้นที่นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม หนุ่มวัย 15 ปีดวงซวยโดนเข้าไปเต็มๆ หลังกลับจากเที่ยวงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ กับครอบครัว นอกจากนี้ แก๊งปาหินยังขับรถ จยย.ตามประกบด้วย โชคดีที่คนขับรถไหวตัวทันแจ้งตำรวจ ด้านตำรวจภาค 7 เรียกประชุมวางมาตรการคุมเข้ม ล่าแก๊งปาหินมาดำเนินคดี
วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 00.30 น. พ.ต.ท.ไพบูลย์ แพรศรีนวล พนักงานสอบสวน สบ.3 สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกคนร้ายให้ก้อนหินปาใส่รถยนต์เก๋งบนถนนเพชรเกษม ขาเข้า กทม.หมู่ 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.สุระพรรณ นาทวรทัต สว.สส.สภ.นครชัยศรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่ รพ.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม จึงได้ติดตามไปตรวจสอบพบว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีหลายราย ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วกระจกหน้ารถที่แตกใส่คนละเล็กละน้อย แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด คือ นายวีระยุทธ หรือ เอ็ม ไหลอุดมสิน อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/64 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 แขวงภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งถูกก้อนหินกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง เป็นแผลฉีกขาด ซึ่งแพทย์ต้องเย็บที่หน้าผาก 3 เข็ม ริมฝีปาก 7 เข็ม และมีฟันหน้าหักไป 3 ซี่ อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย
สอบถาม นายหน่อย พรหมชนะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.4 ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี บอกว่า ตนเป็นเจ้าของและคนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ฐบ 5421 กรุงเทพฯ มีอาชีพรับเช้าบูชาวัตถุมงคล และองค์จตุคาม โดยก่อนเกิดเหตุ ตนได้ชวนคนในครอบครัวมาเที่ยวงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ และได้ไปชมลิเกคณะกุ้งสุทธิราช ก่อนจะกลับบอกมาในช่วง 24.00 น.
โดยขณะกลับบ้านเวลาประมาณ 24.20 น.ขณะขับรถมาบนถนนเพชรเกษม โดยมี น.ส.วันวิสา วรรณรักษ์ อายุ 28 ปี ภรรยานั่งมาด้านหน้า ซึ่งอุ้ม ด.ญ.เปรมิกา พรหมชนะ อายุ 2 ปี บุตรสาว นั่งมาด้านหน้า และหลานชาย 3 คนนั่งมาด้านหลังประกอบด้วย นายภานุพงษ์ ภิเดช อายุ 28 ปี นายพีรพล ทองลี อายุ 16 ปี และ นายวีระยุทธ หรือ เอ็ม อายุ 15 ปี นั่งมาตรงกลาง
กระทั่งเมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ขณะที่ตนได้ขับรถด้วยความเร็วประมาณ 120 กม.ต่อชั่วโมง จู่ๆ ก็มีเสียงกระจกหน้าแตกดังสนั่นและกระจกได้ขาวโพลนไปทั้งบาน ตนจึงแน่ใจว่าโดนหินแน่นอน จึงได้ชะลอความเร็ว และหันไปดูภรรยาและลูกสาว พบว่า ได้รับบาดเจ็บถูกเศษกระจกบาดคนละเล็กละน้อย
ส่วน นายวีระยุทธ ที่นั่งตรงกลางเบาะหลังได้ฟุบนั่งเลือดกลบปาก ขณะเดียวกัน พบว่า มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน มีคนขับขี่และซ้อนท้ายรวม 4 คน ตามมาประกบตลอดทางจึงเริ่มเกิดความหวาดกลัวและได้โทร.ไปที่ 191 เพื่อขอความช่วยเหลือและสอบถามเส้นทางไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่กลุ่มวัยรุ่นที่ขี่รถ จยย.ตามมาก็เริ่มประชิดเข้ามาจึงได้เร่งเครื่องหนีจนมาถึง รพ.ศาลายา ซึ่งตนยืนยันไม่มีมีเรื่องกับใครและจุดที่เกิดเหตุเป็นทางเปลี่ยว มืดมาก
ต่อมาเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สมบัติ ระวังสำโรง รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพาณิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ ผกก.ศสส.ภ.7 พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม สว.กสส.ภ.จว.นครปฐม และทีมคลี่คลายคดีได้เข้าร่วมประชุมในการวางแผนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุโดยได้วางแนวทางในการติดตามคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โดยได้จัดชุดคลี่คลายคดีจาก 3 สภ.ในการสืบสวน ประกอบด้วย ชุดสืบสวนจาก สภ.นครชัยศรี สภ.สามพราน สภ.พุทธมณฑล เข้าร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม และชุดสืบสวนภูธรภาค 7
ขณะที่ พ.ต.ท.อดิชัย กัณหา เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 15 ได้นำทีมตรวจสอบรถยนต์ที่ถูกก่อเหตุอย่างละเอียด และได้นำหลักฐานที่เจ้าหน้าที่สามารถเก็บได้จากที่เกิดเหตุ เป็นแก้วเบียร์ 1 ใบและเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มหมดแล้ว รวมถึงก่อนหิน ซึ่งเป็นหินลักษณะที่ผสมกับก้อนปูน ขนาดใหญ่กว่ากำมือ 2 ก้อน ที่ตกอยู่ในรถ มาทำการตรวจสอบและเป็นหลักฐานตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ โดยตลอดทั้งวัน ทีมสืบสวน ได้นำกลุ่มคนต้องสงสัยเป็นวัยรุ่นทั้งในและนอกพื้นที่มากการสอบปากคำ เพื่อหาตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน
ส่วนประเด็นในการติดตามคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น เมื่อมีพยานบุคคลได้นำข้อมูลว่าก่อนจะเกิดแหตุได้ยินเสียงรถ จยย.มาวนเวียนในที่เกิดเหตุ และส่งเสียงดังโดยมีประโยคพูดออกมาว่ากำลังจะก่อเหตุเอาก้อนหินปารถ และไม่นานก็ได้ยินเสียงกระจกแตกกลางถนน และพบว่า ขณะที่ผู้เสียหายทั้งหมด ได้ไปรักษาตัวที่ รพ.ศาลายา ได้มีกลุ่มวัยรุ่น 4 คนที่ขับขี่รถ จยย.มา 2 คัน คนหนึ่งเป็นชายร่างท้วม ผมหยิก ส่วนอีกคนเป็นชายผมเกรียน เจาะหูสองข้าง และมีรอยสักที่คอ ได้วนเวียนเข้าไปถามอาการของคนเจ็บ ที่ รพ.ก่อนจะขับขี่รถ จยย.ออกมาและหายไป
ส่วนการวางประเด็นในการก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางประเด็นในการติดตามคนร้ายอย่างกว้างๆ ทั้งในการเรื่องของการก่อเหตุเพื่อชิงทรัพย์การก่อเหตุ จากความคึกคะนองของวัยรุ่นและการขับรถปาดหน้ากัน โดยยังไม่เฉพาะไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้มีการตั้งข้อหารอไว้สำหรับคนร้ายแล้ว คือ พยายามฆ่าให้เสียทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงจพะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มร่วมกันปล้นทรัพย์หากสอบสวนแล้วพบว่ามีการประสงค์ต่อทรัพย์
โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 ได้มีการสั่งการให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เร่งนำตัวคนร้ายทั้งหมดให้ได้โดยเร็วเพราะถือเป็นการท้าทายกฎหมายและอำนาจรัฐ รวมถึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ด้วยตนเอง เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมและสั่งการให้มีการประชุมความคืบหน้าทุกวัน รายงานตรงถึงตนเอง