xs
xsm
sm
md
lg

ศึกชิง ส.ส.เขตเมืองชลฯ เดือด “อนันตกูล-รุ่งโรจน์” 2 ตระกูลดังสู้ “คุณปลื้ม” : ฤๅน้ำทะเลชลฯ จะเปลี่ยนสีได้.!!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 วีระ อนันตกูล
ศูนย์ข่าวภูมิภาค/ศรีราชา - สนามเลือกตั้ง ส.ส.เขตภาคตะวันออก ส่อเค้าเดือด จับตาพื้นที่ชลบุรี เขต 1 เมืองชลฯ “อนันตกูล - รุ่งโรจน์” 2 ตระกูลดังสู้ “คุณปลื้ม”

การที่ปรากฏนามสกุลของคนตระกูล อนันตกูล และ รุ่งโรจน์..ขึ้น ในผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน และ ส.ส.เขต อย่างเป็นทางการของจังหวัดชลบุรี ประชาชนชาวจังหวัดชลบุรี ต่างพากันซี๊ดปากเหมือนได้กินแกงเผ็ดสมใจซะที เพราะว่าศึกเลือกตั้ง ส.ส.ของจังหวัดชลบุรี เท่าที่ผ่านๆ มา การจัดวางตัวผู้สมัครของพรรคการเมืองต่างๆ ล้วนจัดส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงสมัครเหมือนส่งอย่างเสียไม่ได้ ส่งชนิดที่ไม่เอาชนะกัน..เหมือนสมยอมให้กลุ่มการเมืองของกำนันเป๊าะ เสียมากกว่าจะเอาชนะจริงๆ

ยิ่งเวลาขณะนี้เป็นเวลาที่..ไม่มีกำนันเป๊าะ หรือ นายสมชาย คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีคนดังเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งภาคตะวันออก หรือที่จังหวัดชลบุรี ของพรรคการเมืองที่ ส.ส.ของเขาสังกัดด้วยแล้ว

นั่น....ย่อมทำให้การลงคะแนนเลือกตั้งส.ส.ของผู้คนประชาชนจังหวัดชลบุรี..รู้สึกเป็นอิสระขึ้น.!ได้บ้าง..ไม่มากก็น้อย

การปรากฏชื่อนามสกุล ในส่วนของบัญชีรายชื่อ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 5 ของพรรคประชาธิปัตย์ มีชื่อ นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ปรากฏอยู่อันดับที่ 5 และนายธงชัย อนันตกูล ปรากฏอยู่ อันดับที่ 6 นั่นอาจจะไม่ทำให้มีความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้มากนัก แต่จาก รายชื่อสองตระกูลดังนี้แหละ ที่เป็นตัวบ่งชี้ชัดว่าคราวนี้พรรคการเมือง หรือพรรคประชาธิปัตย์จัดผู้สมัคร ส.ส.ลงสู้อย่างเอาจริงที่ สนามการเมืองแห่งนี้

หลังจากที่เคยส่งแต่บรรดาทนายความลงสมัคร ซึ่งไม่สมน้ำสมเนื้อมาทุกครั้งของการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ไม่มีใครสู้กับคะแนนเสียงและฐานจัดตั้งของกลุ่มการเมืองของกำนันเป๊าะ ที่แน่นหนาดังคนกรีตผสมเหล็กกล้าไปได้เลยสักครั้ง

แล้ว นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ เป็นใคร !? เขาเป็นอดีตนายอำเภอ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี รวมทั้งเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีด้วย ส่วนนามสกุล รุ่งโรจน์ นั้นเป็นนามสกุลเก่าแก่ของตำบลบางทราย มีน้องชายรับราชการเป็นนายอำเภอ พื้นที่ชลบุรีหลายอำเภอ ชื่อนายบรรจบ รุ่งโรจน์ เป็นนายอำเภอเมืองชลบุรี มาก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดปราจีนบุรี ลาออกมาสมัคร ส.ส.เขต เขตเลือกตั้งที่ 1 เมืองชลบุรีด้วย

ภุชงค์ รุ่งโรจน์ มีญาติพี่น้องจำนวนมาก แม้ว่า ครั้งหนึ่งตอนที่ลงสมัคร ส.ว.(สมาชิกวุฒิสภาและได้รับการเลือกตั้ง) ซึ่งครั้งนั้นเขาอาจจะเคยได้พึ่งใบบุญขุมกำลังฐานเสียงของซุ้มใหญ่เมืองชลบุรี ก็ตามที..ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีคนเมืองชล หรือกลุ่มพวกหัวคะแนนจะคาดคิดว่า ภุชงค์ จะหลงกลิ่นการเมือง! มาลง ส.ส.แบบสัดส่วนกับเขาด้วย และทำการแข่งขันกับคนที่เขาเคยพึ่งขุมกำลังมาก่อน

แม้ นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ระหว่างรับราชการอยู่ที่ชลบุรี อาจจะไม่ทำอะไรให้กับคนชลบุรีมากมายนักก็ตาม แต่การที่มีน้องชายที่ชื่อ นายบรรจบ รุ่งโรจน์ อดีตนายอำเภอหนุ่มชื่อเสียงดีมาลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตนี่ซิ...ย่อมทำให้การเมืองสนามเขต 1 ของชลบุรี ไม่ธรรมดาแน่
 
แล้ว..หันมองมาทาง ตระกูลอนันตกูล บ้างล่ะ.. นี่ย่อมเป็นนามสกุลของตระกูลเก่าแก่ แน่แท้ของคนเมืองน้ำเค็มชลบุรี คนในตระกูลนี้ รับราชการมีชื่อมีเสียงมาทางด้านการปกครองและด้านราชการตำรวจ

ชื่อเสียงของ อนันต์ อนันตกูล อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ย่อมเป็นประกันได้อย่างดี อนันต์ อนันตกูล มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป มาแต่ครั้งเป็นผู้อำนวยการบริหารราชการพิเศษภาคใต้ (ขณะเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยฝ่ายกิจการพิเศษ) เป็นนายอำเภอหลายพื้นที่ เป็นผู้ว่าราชการหลายจังหวัด และเคยเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ชื่อเสียงที่โด่งดังนี้ย่อมเป็นประกันได้ ว่าไม่ธรรมดา
บรรจบ รุ่งโรจน์
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การที่น้องชายอีกคนของ นายอนันต์ อนันตกูล ชื่อ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล อดีตผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี (ลงสมัคร ส.ว.และได้รับการเลือกตั้งในครั้งกระนั้น) พล.ต.ต.วีระ เป็นผู้สมัคร ส.ว.เพียงคนเดียว ที่ฝ่าดงฐานคะแนนเสียงของฝ่ายจัดตั้งของกลุ่มกำนันเป๊าะมาได้นั้น ย่อมไม่เป็นเรื่องธรรมดาขึ้นไปใหญ่

ครั้งนี้ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล เลือกลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่เขตเลือกตั้งที่ 3 เพราะพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3 นี้เป็นถิ่นฐานที่รู้จักคุ้นเคยของ พล.ต.ต.วีระ มาด้วยดี สู้กับ จิรวุฒิ สิงห์โตทองผู้สมัครของพรรคชาติไทย กลุ่มรักษ์ชลบุรี พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล เป็นอดีตผู้บังคับกองตำรวจบ้านบึงมาก่อนจะเป็น ผู้กำกับตำรวจชลบุรี เป็นผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี เป็นนายตำรวจน้ำดีคนหนึ่ง รู้ร่องช่องทางของคนพื้นที่ทั้งจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่เขต 3 ว่าใครเป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไรอย่างดียิ่ง

พล.ต.ต.วีระ เป็นผู้หนึ่งที่คนเก่าคนแก่ของอำเภอบ้านบึง คหบดีชาวไร่อ้อยหลายตระกูลดังๆ ให้ความนับถือ จึงย่อมมีฐานเสียงอยู่พอสมควร

สำหรับคนเมืองชลทั่วๆ ไป ที่เป็นคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จะพากันแปลกใจกันไปใหญ่ว่า นายธงชัย อนันตกูล น้องชายอีกคนหนึ่งของ นายอนันต์ อนันตกูล ก็มาลงสมัคร ส.ส.สัดส่วนด้วย นายธงชัย เป็นนายอำเภออยู่ที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี กระทั่งมาเป็นปลัดจังหวัดชลบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี อยู่ระยะเวลาหนึ่ง และไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคอีสานหลายจังหวัดจนกระทั่งเกษียณอายุและมาลง ส.ส.สัดส่วนครั้งนี้

ชื่อเสียงของตระกูลอนันตกูล บวกกับความมีญาติ มีพี่น้องมีเพื่อนพ้องมาก เป็นตระกูลซึ่งต่างรับราชการได้ดีมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต เป็นหน้าตาของคนเมืองชลบุรียุคสมัยที่ผ่านมา

เมื่อมองการจัดตัวผู้ลงสมัคร ส.ส.เขตชลบุรี รวมกับ ส.ส.สัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งปรากฏแน่ชัดเมื่อวันรับสมัครที่ผ่านมานี้

ก็ทำให้ประชาชนผู้คนเมืองชลบุรี ต่างพากันซี๊ดปากแบบถึงอกถึงใจ นัยว่าคราวนี้ได้กินแกงเผ็ด ต่างวิจารณ์กันว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ต้องหาเสียงแข่งกันเดือดแน่ ทั้งจะเป็นการลงคะแนนวัดใจคนตระกูลคุณปลื้ม ที่ไม่ส่งคนนามสกุลคุณปลื้มลงสมัคร ส.ส.เขต

ด้วยมีเป้าหมายแน่ชัดว่า คนของตระกูลคุณปลื้มสองคนต้องการตำแหน่งสองตำแหน่งคือ ตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งมีการวางตัวส่ง นายวิทยา คุณปลื้ม อดีต ส.ส.เขตหนึ่งลงสมัคร สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงเดือนมีนาคมปี 2551 และส่ง นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต ส.ส.ผู้น้องชายอีกคน ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาต้นปีหน้าเช่นกัน

หากนึกถึงการเลือกตั้งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535...ท่ามกลางกระแสการเมืองที่เชี่ยวกราก..

ครั้งกระนั้น...ผู้คนประชาชนจังหวัดชลบุรีเลือก ส.ส.ตระกูลคุณปลื้ม สองคน คือ นายสนธยา คุณปลื้ม และ นายวิทยา คุณปลื้ม เพียงสองคนเท่านั้น ส่วนนอกนั้นเป็น ส.ส.ซึ่งสังกัดพรรคก้าวหน้าของนายอุทัย พิมพ์ใจชน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมาถึงสี่คนด้วยกัน ซึ่งก็แน่นอนว่า ไม่มีใครที่ต้องการจะเห็นเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก

หากคิดถึงการวางรากฐาน และฐานเสียง ตัวบุคคล ตามหมู่บ้าน ตามตำบล ตามอำเภอต่างๆ เอาไว้โดยเอาบทเรียนจากเหตุการณ์หลังพฤษภาทมิฬปี 2535 มาเป็นตัวตั้ง กำนันเป๊าะ สมชาย คุณปลื้ม ย่อมวางรากฐานไว้แน่นหนาประเภท ลงหลักปักเสาชนิดคอนกรีตเสริมเหล็กกล้า ร่วมกันกับบรรดา คนของเขา อันประกอบไปด้วยบรรดานายกเทศมนตรีเทศบาลต่างๆ ของจังหวัดชลบุรี บรรดาการจัดวางตัวคนบนตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล บรรดาสมาชิกสภาต่าง ๆ ไปจนถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านและชุมชนอื่นๆ มาเป็นเวลายาวนานถึง15 ปี เป็นช่วงเวลา 15 ปี นับแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 จนถึงวันนี้

ล้วนเป็นขุมกำลังฐานเสียงใหญ่ปักหลักมั่นคง โดยมี สนธยา คุณปลื้ม บุตรชายคนโตเคียงบ่าเคียงไหล่กับ กำนันเป๊าะ ผู้เป็นบิดา ทำงานการเมืองร่วมกันมาเป็นลำดับ

สนธยา ทำงานการเมือง สร้างฐานเสียง จนมีฐานเสียงที่แน่นหนารัดกุม จากประสบการณ์ที่ศึกษามาจากน้าชาย นายนิคม แสนเจริญ (อดีตรัฐมนตรี ซึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์) ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งฐานเสียงในนามของกลุ่มรักษ์ชลบุรี หรือไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชีหัวคะแนน แต่ละเขตพื้นฐานเสียงล้วนเป็นการวางตัวบุคคล การวางแผนการพัฒนาพื้นที่ชนบทรอบนอกของจังหวัดชลบุรีมาอย่างจริงจัง
สนธยา คุณปลื้ม
ด้วยเพราะมีผลงานชัดเจนของกลุ่ม ระหว่างดำเนินงานทางการเมืองนั้นย่อมทำให้ หัวคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นๆ ซึ่งมาลงสมัครใหม่ พากันเคลื่อนไหวได้ยากยิ่ง เพราะเพียงแค่หัวคะแนนพรรคอื่นเคลื่อนไหว ทางฐานเสียงของตระกูลคุณปลื้มจะทราบได้ในทันที

เพราะฐานเสียงของ กำนันเป๊าะ หรือ ของกลุ่มรักชลบุรี ก็คือบุคคลกลุ่มนี้ ซึ่งนั่นก็คือ พวกกำนันผู้ใหญ่บ้าน พวก อบต.(องค์การบริหารส่วนตำบล) พวกสมาชิก อบจ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พวกสมาชิกสภาเทศบาลต่างๆทั้งหมดของจังหวัดชลบุรีที่มีอยู่ นั่นก็คือชื่อชั้นของหัวคะแนน ซึ่งมีการจัดวางไว้เป็นลำดับ ตามความสำคัญมากสำคัญน้อย

บรรดางบประมาณต่างๆจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด งบประมาณที่มาจากส.ส.ของกลุ่มในอดีตที่นำจากส่วนกลางเข้ามาสู่จังหวัดชลบุรี ก็ถูกนำไปพัฒนาเขตพื้นที่รอบนอกพื้นที่ชนบท เมื่อพื้นที่ชนบทมีความเจริญยิ่งขึ้น นั่นก็คือได้เสียง ได้คะแนนนิยมอันเกิดจากการจัดตั้งที่เป็นระบบ

ประเด็นนี้เอง ทำให้ส.ส.ที่ลงสมัครใหม่จะเสียเปรียบอดีตส.ส.หรือผู้ลงสมัครส.ส.ของกลุ่มการเมืองกลุ่มนี้แบบห่างชั้นจริงๆ เพราะผู้ลงสมัครใหม่จะไม่มีผลงานนำมาเปรียบเทียบกันได้

แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมา..เนื่องจากไม่มีผู้สมัครที่มีชื่อเสียงสมน้ำสมเนื้อกันมาให้ประชาชนได้มีทางเลือก

แต่ครั้งนี้การที่มีผู้ลงสมัครส.ส.มีชื่อเสียงดี มีฐานะ มาลงสมัครแข่งขันที่เขตเลือกตั้งของชลบุรีถึงสองเขตคือเขตเลือกตั้งที่1และเขตเลือกตั้งที่ 3 ย่อมทำให้การลงคะแนนเลือกตั้งส.ส.เขตและส.ส.สัดส่วนมีความเผ็ดมันส์ เดือดระอุขึ้นมา

การเลือกตั้งส.ส.ของชลบุรีครั้งนี้ มีสาระสำคัญอยู่ที่ว่า เป็นการต่อสู้กับผู้สมัครส.ส.หน้าใหม่แต่ชื่อเสียงดี มีญาติพี่น้องเยอะ มีพรรคสังกัดดี มีแนวนโยบายของพรรคการเมืองที่ชัดเจนฝ่ายหนึ่ง...

กับอีกฝ่ายการเมืองที่ครองอำนาจทำงานการเมืองมาร่วม 24 ปี ทำงานพัฒนาชลบุรีมาอย่างต่อเนื่อง มีผลงานที่จับต้องได้ คือกลุ่มของ กำนันเป๊าะ หรือปัจจุบัน กลุ่มรักชลบุรีที่มี สนธยา คุณปลื้ม เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีการจัดตั้งคนการเมืองอย่างเป็นระบบดังกล่าวมาแล้วเท่านั้น

การเลือกตั้งที่ชลบุรีทั้ง 3 เขตเลือกตั้งครั้งนี้ จึงมีข้อวิจารณ์กันว่า... ประเด็นแรก...พรรคชาติไทย (ของส.ส.สังกัดปัจจุบัน ที่มาจากพรรคไทยรักไทยเดิม) เรียกง่ายๆว่ากลุ่มรักชลบุรีหรือกลุ่ม กำนันเป๊าะ.ขับเคี่ยวแย่งคะแนนเสียงจากประชาชนกับผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

เขตเลือกตั้งที่ 1แต่ละพรรคที่กล่าวถึงน่าจะได้รับเลือกตั้งมาเพียงพรรคละ 1หรือ 2 คนเท่านั้น
เนื่องมาจากตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายประมวล เอมเปีย นายบรรจบ รุ่งโรจน์ นายมานิตย์ ภาวสุทธิ (หัวคะแนนเก่าของกลุ่มกำนันเป๊าะ) ส่วนของทางด้านพรรคชาติไทย มีนาย สมชาย สหชัย รุ่งเรือง นายอัมรินทร์ ตั้งประกอบและนาย จิติล คุ้มครอง (มาลงสมัครส.ส.แทนนายสง่า ธนสงวนวงค์ ซึ่งเว้นวรรคการเมืองชั่วระยะหนึ่ง )

เขตเลือกตั้งนี้ไม่มีการยกทีม เพราะ ชื่อนายประมวล เอมเปีย นายบรรจบรุ่งโรจน์ และนายสมชาย สหชัยรุ่งเรืองและ นายอัมรินทร์ ตั้งประกอบ (บุตรชายกำนันน้อง นายวัฒนา ตั้งประกอบ น้องเขตกำนันเป๊าะ ) น่าจะอยู่ในข่ายที่ได้รับเลือกตั้ง ส่วนทางด้านพรรคการเมืองอื่น ๆตัวอาจจะสอดชิงเข้ามาได้คงมีแต่นางเสาวลักษณ์ สุริยาทิพย์ พรรคมัชฌิมาธิปไตยเท่านั้น

เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคชาติไทยส่ง อดีต ส.ส.ลงสมัคร เช่น นายสันต์ศักย์ หรือจรูญ งามพิเชษฐ์ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ลงสมัคร ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆตัวผู้ลงสมัครแทบสู้กันไม่ได้ มีคนหน้าใหม่มาลงมาก มีคนเก่าแค่นายธงชัย พิมพ์สกุล(อดีตส.ส.พรรคก้าวหน้า)มาลงสมัครเท่านั้น เขตเลือกตั้งนี้จึงทำให้พรรคชาติไทยจะได้รับเลือกตั้งแบบยกทีม แต่อาจจะมีการตัดคะแนนและสอดแทรกมาได้หนึ่งคนคือผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนคือพล.ร.ท. โรช วิภัติภูมิประเทศ หากบรรดาฐานเสียงของพรรคชาติไทยประมาท.

เขตเลือกตั้งที่ 3 มี ส.ส. 2คน การเลือกตั้งที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ครั้งนี้ จะเป็นการสู้กันระหว่าง พล.ต.ต. วีระ อนันตกูล นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทย นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง นายอุทัย มณีรัตนะโรจน์ ส่วนพรรคใดจะได้ยกทีมอยู่ที่หัวคะแนนหากลงคะแนนไม่ทิ้งกันพรรคชาติและพรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้ยกเช่นกันแต่ จะอยู่ที่ พล.ต.ต. วีระกับนายจิรวุฒิ ได้รับเลือกก็น่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก

แต่ถึงที่สุดแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ ย่อมดุเดือดดังกล่าวมาแต่ต้น พรรคชาติไทยจะได้ส.ส.5คนหรือพรรคประชาธิปัตย์ได้ 3 คนถึง 4 คนก่อนเลือกตั้ง 3 วันจะพอทราบกัน

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีเดิมพันกันที่ เก้าอี้สำคัญๆของพวกจัดตั้งสำคัญๆตามองค์กรต่างๆ ตามเขตพื้นจังหวัดชลบุรี พื้นที่ใดคะแนนเสียงตกผู้ที่รับผิดชอบเขตนั้นๆก็ต้องละวางจากเก้าอี้องค์กรสำคัญๆกันบ้าง

และนั่นจะเห็นเด่นชัดหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว...ว่าจะมีใครจะตกจากเก้าอี้นายกเทศมนตรี ฯ นายกอบต.หรือตำแหน่งอื่นเช่นเทศมนตรี ก็ย่อมสุดแต่ผลของการลงคะแนนเสียงของประชาชนชลบุรี สำหรับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเดิมพัน

การวิเคราะห์การเมืองสำหรับจังหวัดชลบุรี ยามที่ไม่มี กำนันเป๊าะ อยู่เป็นผู้อำนวยการพรรคเลือกตั้งของกลุ่มการเมืองที่สังกัด ไม่มีนายวัฒนา ตั้งประกอบ (กำนันน้อง) อยู่ช่วยหาเสียง

ท่ามกลางผู้คนชลบุรีที่วิจารณ์กันว่า หากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองเช่นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเช่นมัชฌิมาธิปไตย ฝ่าด่านการเลือกตั้งเข้ามาได้จำนวนหนึ่ง แน่นอนการเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้จะส่งผลสะเทือน ไปถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีอีกทอดหนึ่ง

และเช่นเดียวกันหากว่าพรรคชาติไทย ได้รับเลือกตั้งมาแบบยกทีมเช่นแต่ก่อนทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ที่จะเกิดขึ้นเดือนมีนาคมปีหน้า ก็จะเป็นเรื่องธรรมดา ของกลุ่มจัดตั้ง กลุ่มการเมืองที่สร้างพัฒนาท้องถิ่นให้ประชาชนคนจังหวัดชลบุรีมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกตั้งลงคะแนนให้ส.ส.ทั้งสัดส่วนและส.ส.เขตครั้งนี้ จึงต้องจับจ้องมองอย่าได้ละสายตาเป็นอันขาด.

เพราะศึกแข่งเดือด ส.ส. ระหว่าง “อนันตกูล- รุ่งโรจน์ ” สู้ศึกเลือกตั้งกับ “ คุณปลื้ม” ย่อมเป็นปรากฏการณ์พิเศษของชลบุรี

นานปีมาแล้ว ที่การเมืองในแต่ละภาคส่วนมีแต่การเกี๊ยะเซี้ยะกันและกัน จากสนามใหญ่ลงมาถึงสนามภาคและส่วนสนามจังหวัด ทำให้ไม่มีการเกิดของส.ส.จากผู้สมัครหน้าใหม่

ครั้งนี้ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์พรรคการเมืองเก่าแก่จะคิดอย่างไรก็ตาม การจัดผู้สมัครหน้าใหม่ ที่เป็นคนมีชื่อเสียง มีฐานะสมน้ำสมเนื้อลงสมัครแข่งขันกับกลุ่มการเมืองที่ครองการเมืองมายาวนาน24 ปีมาแล้วของจังหวัดชลบุรี ย่อมทำให้มีการเกิดผลสะท้อนทางการเมือง...แน่นอน ..การเกิดผลสะท้อนนัยทางการเมืองครั้งนี้จะถึงขั้นทำให้น้ำทะเลเมืองชลเปลี่ยนสีได้ !!?
กำลังโหลดความคิดเห็น