ร้องกรมศิลป์สั่งระงับเปิดบูชา “นพเก้า” วัดใหญ่

พิษณุโลก – อาจารย์ ม.นเรศวร ร้องกรมศิลปากร ขอให้ระงับการบูชา “นพเก้า” หรือกระเบื้องโมเสกสีทองที่แกะออกจากองค์พระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุขณะบูรณะใหม่ ด้านไวยาวัจกรวัดใหญ่ ระบุโมเสกแสนชิ้น กรมศิลปากรโอนสิทธิ์ให้วัดใหญ่ แต่ถ้าตัดสินให้เป็นสมบัติของชาติก็ยินดีระงับ หลังปล่อยให้เช่าชิ้นละ 1000-1,200 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหารวิหาร หรือวัดใหญ่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายเฉลิมชัย เงารังสี อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก นำนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 20 คนร่วมสำรวจพื้นที่ร้านค้าและพื้นที่จอดรถ ภายในวัดใหญ่ โดยเฉพาะพระปรางค์องค์ประธานที่ตั้งอยู่ด้านหลังวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช และได้พบกับนายวินัย ชาญวิชัย ไวยาวัจกรของวัดใหญ่

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า กรมศิลปากรได้ดำเนินการลอกกระเบื้องโมเสกสีทอง หรือนพเก้า ขนาด 3 ซม.x 3 ซม.ออกทั้งหมด ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ โดยตนทราบแนวทางมาว่าทางวัดได้ทำข้อตกลงกับกรมศิลปากรว่าจะนำกระเบื้องโมเสกทั้งหมดออกมาเปิดให้ประชาชนทั่วไปบูชา และกรมศิลปากรจะสั่งทำชนิดใหม่มาติดแทนของเดิม

แต่ปรากฏว่าทางวัดได้ตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชนได้บูชานพเก้าบริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช มีประชาชนชาวพิษณุโลกจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่านพเก้าเหล่านี้ควรจะเป็นสมบัติของชาติ หรือควรจะเป็นสมบัติของวัด จึงได้แจ้งไปยังนายธราพงษ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ขอให้ระงับการบูชานพเก้าไก่อน

นายวินัย ชาญวิชัย ไวยาวัจกรของวัดใหญ่ บอกว่า กรรมการวัดได้ตั้งโต๊ะนำนพเก้า หรือกระเบื้องโมเสกสีทอง ในเอกสารของกรมศิลปากรระบุว่า “นพเก้า” โอนให้วัดใหญ่ประมาณ 100,000 แผ่น ส่วนการเช่าบูชาก็ยินดีระงับไว้ก่อน หลังจากได้จำหน่ายเพียง 3 วัน ราคาเกรดเอ 1,299 บาท เกรดบี ราคา 999 บาท

ทั้งนี้ ตามประวัติแผ่นนพเก้า ระบุว่า พ.ศ.2444 พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลกในขณะนั้น ได้รวบรวมเงินจากผู้มีจิตศรัทธาสั่งซื้อกระเบื้องสีทองจากประเทศอิตาลี เรียกว่าแผ่นนพเก้า เนื่องจากมี 9 ช่อง แต่ละช่องมี 3 จุด 3x9 =27 และ 2+7 = 9 บางแผ่นที่ปิดองค์พระปรางค์เมื่อปี 2444 มีอายุ 106 ปี ใครมีไว้นับว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง โดยรายได้จากการเปิดบูชาจะนำไปสร้างนพศูลทองคำติดบนยอดพระปรางค์ด้วยทองคำจริงๆ