xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ยันญาติ “แม่เลี้ยงติ๊ก” พัวพันจ้างฆ่า “หมอชาญชัย” - เมียนายก อบจ.ขอหนีการเมืองชั่วชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพร่ - “วงกต” ยันญาติ “แม่เลี้ยงติ๊ก-ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” เอี่ยวคดีจ้างวานฆ่า “หมอชาญชัย” พร้อมสั่งล่าผู้เกี่ยวข้องอีก 2 รายที่ยังหลบหนีอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้านภรรยานายก อบจ.แพร่ ประกาศหนีการเมืองชั่วชีวิต ขณะที่แม่เลี้ยงติ๊กไม่เชื่อปม 120 ล้านเป็นต้นเหตุสังหาร ยัน “พวกเราเข้าใจกันดี” ระบุที่ผ่านมา อบจ.แพร่ มีปัญหาเปอร์เซ็นต์รับเหมาต่อเนื่อง หลัง “หมอชาญชัย” สั่งเพิ่มจาก 10% เป็น 30%

หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมือปืนยิงนายแพทย์ชาญชัย ศิลปะอวยชัย นายก อบจ.แพร่ได้สำเร็จ ที่จังหวัดลำปางและทำการสอบสวนตลอดคืน 28 ต.ค.50 ที่ผ่านมา พร้อมขยายผลต่อที่จังหวัดแพร่ ผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพจำนวน 3 คน ได้แก่ นายธาณี วงศ์แพทย์ ผู้ต้องหาที่ 1 อายุ 31 ปีหมู่ 2 ต.ท่าข้าม อ.เมืองแพร่, นายจงรักษ์ ศุภศิริ ผู้ต้องหาที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 142/2 หมู่ 8 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่, นายเกียรติศักดิ์ หรือหนุ่ย ปงลังกา ผู้ต้องหาที่ 3 อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 2 ต.กาญจนา อ.เมืองแพร่, นายอิทธิกร หรือเล็ก อึ้งตระกูล ผู้ต้องหาที่ 4 อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 441 หมู่ 2 ต.นาจักร อ.เมืองแพร่

กรณีของนายจงรักษ์ ศุภศิริ เจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดได้บุกจู่โจมเข้าค้นบ้านและจับด้วยข้อหามีนกปรอทหัวจุกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อควบคุมตัวมาถึงกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ได้ทำการกักบริเวณและนำเข้าสู่กระบวนการทางคดีมีส่วนร่วมจ้างวานฆ่า ตำรวจอ้างว่าผู้ต้องหาที่รับสารภาพระบุว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านายแพทย์ชาญชัย ในราคาค่าจ้าง 50,000 บาท แต่นายจงรักษ์ยังคงให้การปฏิเสธ นอกจากนั้นยังมีนายเจตริน หรือทิต อินประดิษฐ์ ยังคงหลบหนีอยู่

พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ที่เดินทางมาแถลงข่าวเมื่อค่ำวันที่ 30 ต.ค.50 ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ว่า หลังการรวมรวมหลักฐานและการหาข่าวอย่างต่อเนื่องโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่ง พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผช.ผบ.ตร.เข้ามาประจำอยู่ในจังหวัดแพร่ สืบสวนหาข่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่นำมาแถลงข่าวรับสารภาพแล้ว นายเอส หรือธานี เป็นผู้ลงมือยิงนายแพทย์ชาญชัย มีนายอิทธิกร หรือเล็ก และนายเกียรติศักดิ์ หรือหนุ่ย ทำหน้าที่ดูต้นทาง ส่วนนายเจตริน หรือทิต ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์

การวางแผนทำงานดังกล่าวเกิดจากนายธานี ที่คิดวางแผน ส่วนผู้ดูต้นทางและขี่รถ นายธานี เป็นผู้ติดต่อรับจ้างงานฆ่านายแพทย์ชาญชัย มาจากนายจงรักษ์ ศุภศิริ ซึ่งขณะนี้นายจงรักษ์ เป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่านายแพทย์ชาญชัย แต่ยังคงให้การปฏิเสธ

จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่า การจ้างวานในครั้งนี้เกิดจากความไม่พอใจที่นายแพทย์ชาญชัย มีปัญหาเรื่องเงินงบประมาณ 120 ล้านบาท โดยนายพงศ์สวัสดิ์ ศุภศิริ ประธานสภา อบจ.แพร่ ทำการขัดขวางการขอกู้เงินงบประมาณ 120 ล้านบาทจากธนาคารกรุงไทยสาขาแพร่ จนทำให้ สตง.และหน่วยงานตรวจสอบงบประมาณเข้ามาตรวจสอบ อบจ.แพร่

ในที่สุดนายแพทย์ชาญชัยได้ระงับโครงการดังกล่าว ทำให้กลุ่มสมาชิกอบจ.ที่มีผลกระทบในโครงการดังกล่าวเข้าชื่อขับนายพงศ์สวัสดิ์ ออกจากตำแหน่งประธานสภาฯ โดยโหวตเสียงให้นายพงศ์สวัสดิ์ ออกถึง 21 เสียง ต่อ 3 เสียง ทำให้นายพงศ์สวัสดิ์ ไม่พอใจ และเชื่อว่าจะมีการคิดวางแผนร่วมกันโดยให้นายจงรักษ์ ทำหน้าที่จ้างวานฆ่าหมอชาญชัย

พฤติกรรมดังกล่าวยังไม่มีการซัดทอด แต่เชื่อว่ามีการวางแผนร่วมกัน และทีมสืบสวนจะหาเบาะแสเพิ่มเติมในการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ดำเนินการจับกุมอีกอย่างน้อย 2 คน
จากการคาดการณ์เชื่อว่า พฤติกรรมของนายจงรักษ์ ที่มีการก่อคดีอย่างต่อเนื่อง กับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นทำให้เชื่อได้ว่าเกิดจากปมปัญหาการเมืองในท้องถิ่น คงไม่ก้าวล่วงไปถึงการเมืองระดับชาติแต่อย่างใด โดยขณะนี้ยังไม่มีชื่อนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.ปชป.แพร่ เข้ามามาเกี่ยวข้อง ยังคงอยู่ที่การเมืองท้องถิ่นและปมปัญหาดังกล่าว

พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ กล่าวด้วยว่า หลังจากมีการรับสารภาพแล้วจะต้องนำผู้ต้องหาไปทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งในวันที่กำหนดไว้ (29 ต.ค.) ยังไม่สามารถนำไปทำแผนได้เนื่องจากมีประชาชนมารวมตัวกันกว่า 5,000 คนทำให้ต้องงดการทำแผนไปและจะมีการวางแผนทำแผนใหม่ในวันนี้ (30 ต.ค.)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากชาวบ้านจังหวัดแพร่ทราบว่าจะมีการนำตัวคนร้ายสังหารนายแพทย์ชาญชัยมาทำแผนประกอบคำสารภาพ ได้มีประชาชนกว่า 5,000 คนเดินทางมาจากต่างอำเภอเพื่อรอดูการทำแผน โดยเตรียมอุปกรณ์ในการทำร้ายผู้ต้องหามาด้วย อาทิ ไม้ หนังสติ๊กยิงนก และเตรียมรุมประชาทัณฑ์ ทำให้ตำรวจต้องส่งกำลังตำรวจไปสกัดไว้และตั้งกำแพงกั้น รวมทั้งกำลังตำรวจจำนวน 200 นายเข้าตรึงบริเวณที่จะมีการทำแผน แต่ปรากฏว่ามีประชาชนมาเพิ่มอย่างต่อเนื่องและบางส่วนล้นไปรวมตัวกันที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ พล.ต.อ.วงกต เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงได้สั่งการให้มีการระงับการทำแผนไว้ก่อนและหาเวลาที่เหมาะทำแผนต่อไป

หลังการแถลงข่าวจบลงนางเสาวลักษณ์ ศิลปะอวยชัย ภรรยานายแพทย์ชาญชัย นายก อบจ.แพร่ ผู้เสียชีวิต และนายสุวิทย์ วงศ์วรกุล กรรมการหอการค้าไทยรวมทั้งตัวแทนองค์กรทางธุรกิจ ได้นำช่อดอกไม้ไปมอบให้ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน

โดยนายสุวิทย์ ได้กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ทำให้จังหวัดแพร่ หมดปัญหาเรื่องของผู้มิอิทธิพล และสามารถจับกุมคนฆ่าคนดีของจังหวัดแพร่ได้สำเร็จ ชาวบ้านจะพอใจมาก


ภรรยานายแพย์ชาญชัย กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรจะพูดเพราะเท่าที่เห็นเป็นคนในจังหวัดแพร่ และไม่ใช่คนอื่นไกลกัน เป็นคนใกล้ชิดกันไม่น่าจะทำกันได้ รู้สึกเสียใจตั้งแต่ที่สามีต้องจากไป ทุกคนเหมือนขาดที่พึ่ง ก็ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ในส่วนของการเมือง ตนและลูกๆไม่ขอเข้าไปยุ่งอีกต่อไป และขอทำธุรกิจที่มีเท่านั้น รับรองว่าจะไม่คิดเล่นการเมืองอีกชั่วชีวิต

นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขั้นใน อบจ.แพร่นั้น ไม่น่าเป็นสาเหตุ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องของเงินส่วนแบ่งในการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมามีการเรียกเก็บร้อยละ 10 ระยะหลังมีการเก็บร้อยละ 30 ซึ่งต้องพูดกันชัดๆ ว่าที่ผ่านมาทำงานร่วมกัน


“ดิฉันได้แต่เตือนให้หมอหยุดการเก็บเปอร์เซ็นต์ เพราะเกิดความเดือดร้อน แต่ต่อมาเกิดปัญหาเงิน 120 ล้านบาทที่ อบจ. ระหว่างหมอชาญชัย กับพงศ์สวัสดิ์ ศุภศิริ ประธานสภา ซึ่งมีการต่อสู้กันในสภา ขณะนี้การปลดประธานสภา ศาลได้ให้สิทธิ์คุ้มครองชั่วคราวอยู่ระหว่างที่มีการฟ้องร้องต่อศาล ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ ดิฉันต้องการให้ยืดระยะเวลาออกไปจนถึงหลังเลือกตั้ง จะชี้ให้เห็นว่าไม่มีใครเข้าใจกันเท่ากับพวกเราและหาทางที่จะผ่อนคลายปัญหาต่อไป แต่ไม่นึกว่าจะมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ซึ่งยังเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวแพร่ ดิฉันเองก็เสียใจ” นางศิริวรรณ กล่าว และว่า

การสืบสวนคงต้องมีการหาความจริงกันต่อไป เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวคงไม่จบเพียงเท่านี้ ตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง รอเวลาให้เป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป และยังเชื่อในความบริสุทธิ์ของทุกคน โดยจะเดินหน้าหาเสียงและลงสมัคร ส.ส.อย่างถูกต้องต่อไป

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องนำผู้ต้องหาคดีสังหารนายแพทย์ชาญชัย ออกมาทำแผนในเวลา 06.15 น.ของวันนี้ (30 ต.ค.) ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มีการสังหารจริงในวันที่ 22 ตุลาคม 50 ที่ผ่านมา เป็นการหนีฝูงชนที่รอทำร้ายผู้ต้องหา โดยได้นำไปทำแผนในจุดเกิดเหตุ และจุดรายงานการออกจากบ้าน รวมทั้งขั้นตอนการซ้อมปืน จุดหลบหนี จากนั้นได้นำผู้ต้องหาไปสอบสวนต่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.ต่อไปในเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน






กำลังโหลดความคิดเห็น