ศูนย์ข่าวศรีราชา-ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จับสินค้านำเข้าแบตเตอรี่สำแดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จ มูลค่า เกือบ 6 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายสมศักดิ์ พจน์ปฏิญญา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้แถลงข่าวการจับกุมแบตเตอรี่รถยนต์หนีภาษี โดยตามนโยบายปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อมของกรมศุลกากร นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากร ได้สั่งการให้ นายสังกรณ์ พึ่งประดิษฐ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายสมศักดิ์ พจน์ปริญญา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นายนิเวศ ตระกูลโตนิยม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร
นายสมเกียรติ พิสุทธิ์เจริญพงษ์ ผู้อำนวยการส่วนบริการทางศุลกากร นายไพศาล ชื่นจิตร ผู้อำนวยการส่วนบริการกลาง นายพงษ์ศักดิ์ ธนะวัฒนานนท์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการสืบสวนปราบปราม นายประโยชน์ พูนน้อย หัวหน้าฝ่ายทบทวนหลังการตรวจปล่อย ดำเนินการวางแผนและสั่งการให้หน่วยปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามร่วมกันตรวจสอบสินค้า Re – Export ในอารักขา เมื่อ เร็วๆนี้ โดยได้รับรายงานว่า มีบริษัท จีที เทรดดิ้ง จำกัด จากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อส่งแบตเตอรี่ไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต โดยแอบอ้างแหล่งกำเนิด
ผลการตรวจพบเป็นสินค้าประเภท แบตเตอรี่ใช้กับรถยนต์ ยี่ห้อ GK ปริมาณ 1760 pcs มูลค่า 5 ล้านบาท สำแดงเมืองกำเนิดประเทศอินโดนีเซีย แต่ที่ตัวสินค้าระบุ Made in Thailand ซึ่งกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความผิดฐานสำแดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ห้ามนำเข้าของสำแดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ. 2482 และเป็นความผิดตามมาตรา 99 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับมาตรา 16 , 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร ( ฉบับที่ 9 ) พ.ศ. 2482 และมาตรา 3 , 4 และ 5 แห่ง พ.ร.บ. ห้ามนำของที่มีการแสดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จเข้ามาในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2481 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาดังกล่าว สร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย เนื่องจากแบตเตอรี่ที่นำเข้าดังกล่าว มีต้นทุนที่ถูกกว่าประเทศไทย และหากไม่ดำเนินการจับกุมจะสร้างความเสียหายต่อธุรกิจแบตเตอรี่ด้วย และหลังจากการดำเนินคดีเสร็จเรียบร้อยทางศุลกากรจะทำลายแบตเตอรรี่ ดังกล่าวทันที