ตาก – คลังไฟเขียวโต๊ะแลกเงินจั๊ตแม่สอด เปิดรับแลกเงินได้ นัดส่งมอบใบอนุญาตวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.) หลังเคยถูกตำรวจจับ-ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี (รอลงอาญา)
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากหอการค้าจังหวัดตาก แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้าแม่สอด จะจัดประชุมเรื่อง “การชี้แจงระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเป็นบุคคลรับอนุญาต” (การรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) ขึ้น รวมทั้งทาง ธปท.จะมอบใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการเป็นบุคคลรับอนุญาตด้วย
ตามที่กลุ่มผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนเงินตรา (จั๊ต) ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ยื่นขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผ่าน ธปท.เมื่อเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งล่าสุด รมว.กระทรวงการคลัง ได้อนุมัติคำขอดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ โต๊ะแลกเปลี่ยนเงินจั๊ตชายแดนแม่สอด จ.ตาก เคยเกิดปัญหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับกุมเมื่อต้นเดือนธนวาคม 2549 ที่ผ่านมา 2 ราย ในข้อหาแลก และทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี (รอลงอาญา) พร้อมยึดเงินตราต่างประเทศที่รับแลก (เงินจั๊ต) ทั้งหมด จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ด้านแม่สอด จ.ตาก เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากการค้าชายแดนไทย-พม่า ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2485 จนถึงปัจจุบันมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท/ปี ล้วนแต่ต้องซื้อขายกันด้วยเงินจั๊ต ขณะที่ทางการไทยไม่รับแลกเปลี่ยนเงินจั๊ตของพม่า ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้ในทางกฎหมาย จับเมื่อไหร่ ก็ผิดเมื่อนั้น แต่ในความเป็นจริงตามวิถีปฏิบัติถ้าผู้ประกอบการไม่รับเงินจั๊ต ก็ขายสินค้าไม่ได้
ตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นต้น หลังจากที่มีผู้รับแลก และค้าขายเงินจั๊ตในพื้นที่ถูกจับกุม และศาลได้พิจารณาคดีไปแล้ว ได้สร้างความวิตก แก่ผู้ประกอบการค้า และภาคธุรกิจในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างมาก เนื่องจากธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินระหว่าง ไทย-พม่า ไม่ได้รับการรับรองจากทางการ เพียงแต่เป็นกระบวนการค้าชายแดนในพื้นที่เท่านั้น
อนึ่ง การทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินจั๊ต เป็นเรื่องสำคัญของการค้าชายแดนไทย-พม่า แต่ละปีมีมูลค่าสูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากเงินจั๊ตไม่ได้รับการรับรองจากทางการไทย ทำให้ผู้ค้าชายแดนทุกแห่งต้องหาทางช่วยตัวเองตามกระบวนการค้าชายแดนมานานถึง 65 ปีแล้ว นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินใน พ.ศ.2485
ปัญหาสำคัญ คือ เงินจั๊ต ไม่มีองค์กร หรือสถาบันการเงินใดรับรอง และกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันขึ้นอยู่กับสถานภาพการค้าขายในท้องถิ่นเป็นสำคัญ แต่เนื่องจากเงินจั๊ตเป็นเงินที่ออกโดยธนาคารกลางของพม่า จึงเป็นเงินต่างประเทศ ตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเงินจั๊ต จึงต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง เช่นเดียวกับการทำธุรกรรมเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ที่ได้รับรอง
ทั้งนี้ หากทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดีอาจได้รับโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี และปรับ 20,000 บาท ดังนั้น นับจากนี้ผู้ทำธุรกรรมเงินจั๊ตทุกรายจะต้องขออนุญาตจดทะเบียน โดยธปท.ในท้องถิ่น เป็นผู้รับคำร้องขออนุญาตจดทะเบียนปีละ 2 รอบ คือ รอบแรกเดือนมีนาคม และครั้งที่ 2 เดือนกันยายน
สำหรับผู้ประกอบการที่รับแลกเงินจั๊ตในท้องที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ระยะที่ผ่านมา มีอยู่ประมาณ 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นจีน-พม่า ที่ล่าสุดยังไม่มั่นใจว่าจะดำเนินการได้ตามเงื่อนไขข้อกฎหมายแลกเปลี่ยนเงินตราหรือไม่ และบางส่วนได้หันไปเปิดรับแลกเงินจั๊ตในฝั่งเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด แทนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากหอการค้าจังหวัดตาก แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้าแม่สอด จะจัดประชุมเรื่อง “การชี้แจงระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเป็นบุคคลรับอนุญาต” (การรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) ขึ้น รวมทั้งทาง ธปท.จะมอบใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการเป็นบุคคลรับอนุญาตด้วย
ตามที่กลุ่มผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนเงินตรา (จั๊ต) ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ยื่นขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผ่าน ธปท.เมื่อเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งล่าสุด รมว.กระทรวงการคลัง ได้อนุมัติคำขอดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ โต๊ะแลกเปลี่ยนเงินจั๊ตชายแดนแม่สอด จ.ตาก เคยเกิดปัญหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับกุมเมื่อต้นเดือนธนวาคม 2549 ที่ผ่านมา 2 ราย ในข้อหาแลก และทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี (รอลงอาญา) พร้อมยึดเงินตราต่างประเทศที่รับแลก (เงินจั๊ต) ทั้งหมด จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ด้านแม่สอด จ.ตาก เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากการค้าชายแดนไทย-พม่า ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2485 จนถึงปัจจุบันมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท/ปี ล้วนแต่ต้องซื้อขายกันด้วยเงินจั๊ต ขณะที่ทางการไทยไม่รับแลกเปลี่ยนเงินจั๊ตของพม่า ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้ในทางกฎหมาย จับเมื่อไหร่ ก็ผิดเมื่อนั้น แต่ในความเป็นจริงตามวิถีปฏิบัติถ้าผู้ประกอบการไม่รับเงินจั๊ต ก็ขายสินค้าไม่ได้
ตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นต้น หลังจากที่มีผู้รับแลก และค้าขายเงินจั๊ตในพื้นที่ถูกจับกุม และศาลได้พิจารณาคดีไปแล้ว ได้สร้างความวิตก แก่ผู้ประกอบการค้า และภาคธุรกิจในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างมาก เนื่องจากธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินระหว่าง ไทย-พม่า ไม่ได้รับการรับรองจากทางการ เพียงแต่เป็นกระบวนการค้าชายแดนในพื้นที่เท่านั้น
อนึ่ง การทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินจั๊ต เป็นเรื่องสำคัญของการค้าชายแดนไทย-พม่า แต่ละปีมีมูลค่าสูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากเงินจั๊ตไม่ได้รับการรับรองจากทางการไทย ทำให้ผู้ค้าชายแดนทุกแห่งต้องหาทางช่วยตัวเองตามกระบวนการค้าชายแดนมานานถึง 65 ปีแล้ว นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินใน พ.ศ.2485
ปัญหาสำคัญ คือ เงินจั๊ต ไม่มีองค์กร หรือสถาบันการเงินใดรับรอง และกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันขึ้นอยู่กับสถานภาพการค้าขายในท้องถิ่นเป็นสำคัญ แต่เนื่องจากเงินจั๊ตเป็นเงินที่ออกโดยธนาคารกลางของพม่า จึงเป็นเงินต่างประเทศ ตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเงินจั๊ต จึงต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง เช่นเดียวกับการทำธุรกรรมเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ที่ได้รับรอง
ทั้งนี้ หากทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดีอาจได้รับโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี และปรับ 20,000 บาท ดังนั้น นับจากนี้ผู้ทำธุรกรรมเงินจั๊ตทุกรายจะต้องขออนุญาตจดทะเบียน โดยธปท.ในท้องถิ่น เป็นผู้รับคำร้องขออนุญาตจดทะเบียนปีละ 2 รอบ คือ รอบแรกเดือนมีนาคม และครั้งที่ 2 เดือนกันยายน
สำหรับผู้ประกอบการที่รับแลกเงินจั๊ตในท้องที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ระยะที่ผ่านมา มีอยู่ประมาณ 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นจีน-พม่า ที่ล่าสุดยังไม่มั่นใจว่าจะดำเนินการได้ตามเงื่อนไขข้อกฎหมายแลกเปลี่ยนเงินตราหรือไม่ และบางส่วนได้หันไปเปิดรับแลกเงินจั๊ตในฝั่งเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด แทนแล้ว