ผู้จัดการรายวัน-แบงก์ทิสโก้แจงยึดตึกมูลค่า 10 ล้านลูกหนี้ที่อุบลฯ ไม่ได้โกงและทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และก่อนยึดทรัพย์ให้เวลาร่วม 10 เดือนในการไกล่เกลี่ยแต่ลูกหนี้ไม่สนหันพึ่งศาล สุดท้ายต้องยึดทรัพย์แต่ตึกติดจำนองแบงก์อื่น 9 ล้าน ทำให้เหลือมูลค่าไม่ถึง1 ล้านบาท ขณะที่ลูกหนี้ติดเงินแบงก์ 270,000 บาท
ตามที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันศุกร์ ที่ 28 กันยายน 2550 และเว็บไซต์แมเนเจอร์ออนไลน์ ได้เสนอข่าว" ร้องยามฯTISCO ร่วมจนท.บังคับคดีโกง ติดหนี้ 2 แสนเศษ-ขู่ยึดตึกมูลค่ากว่า 10 ล้าน" โดยได้กล่าวถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารทิสโก้ และเจ้าหน้าที่บังคับคดี ที่ได้ขู่ยึดตึกของคุณอารีรักษ์ สินธุเชาวน์ มูลค่า 10 ล้านบาท เนื่องจากค้างชำระหนี้ที่มีกับธนาคารทิสโก้จำนวน 2 แสนบาทนั้น
ปรากฏว่า ข่าวดังกล่าวยังมีข้อเท็จจริงที่ธนาคารทิสโก้ขอชี้แจงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ธนาคารได้ปฏิบัติตามกฎหมายต่อลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้ ตามกระบวนการในการติดตามหนี้โดยเคร่งครัด ซึ่งการปฏิบัติงานของธนาคารทิสโก้ ในการเจรจาและติดตามหนี้ ทุกขั้นตอนล้วนโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งมีเอกสารบันทึกการติดต่อในทุกขั้นตอน
ในกรณีของคุณอารีรักษ์ ธนาคารฯยืดระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยนานถึง 10 เดือน และเสนอทางเลือกในการชำระหนี้ให้แล้ว แต่คุณอารีรักษ์เองเป็นผู้ขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน และเมื่อศาลตัดสินให้ชำระค่าเสียหายพร้อมคืนกรรมสิทธิ์รถ คุณอารีรักษ์เป็นฝ่ายไม่ชำระตามที่ได้เจรจาไว้ ตลอดจนไม่ส่งมอบรถคืนให้แก่ธนาคารฯ
เมื่อธนาคารฯไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไป คือ การสืบทรัพย์และยึดทรัพย์ในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้พิจารณาแล้วว่า ไม่ใช่การจงใจยึดทรัพย์เกินมูลหนี้ โดยมีเจตนาที่จะทหลูกหนี้เสียหาย จึงดำเนินการยึดทรัพย์ให้
ในส่วนที่ดินที่ทำการยึดทรัพย์ แม้มูลค่าที่ดินแปลงที่ทำการยึดทรัพย์ไว้ ที่มีมูลค่าตามประเมินประมาณ 10 ล้านบาท แต่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีภาระที่ติดจำนองกับธนาคารอื่น อีกจำนวน 9 ล้านบาท ทำให้มีมูลค่าทรัพย์สินเหลือไม่ถึง 1 ล้านบาทเท่านั้น และตามกฎหมายธนาคารฯสามารถหักชำระหนี้ได้ เฉพาะจำนวนหนี้ที่ค้างไว้บวกค่าใช้จ่าย คือ จำนวน 270,000 บาท เท่านั้น ส่วนที่เกินกว่านั้นจะต้องคืนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินต่อไป จึงไม่เป็นความจริงที่ว่า ธนาคารฯร่วมกับเจ้าหน้าที่บังคับคดี ร่วมกันขู่ยึดทรัพย์และทำเกินกว่าเหตุ
ตามที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันศุกร์ ที่ 28 กันยายน 2550 และเว็บไซต์แมเนเจอร์ออนไลน์ ได้เสนอข่าว" ร้องยามฯTISCO ร่วมจนท.บังคับคดีโกง ติดหนี้ 2 แสนเศษ-ขู่ยึดตึกมูลค่ากว่า 10 ล้าน" โดยได้กล่าวถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารทิสโก้ และเจ้าหน้าที่บังคับคดี ที่ได้ขู่ยึดตึกของคุณอารีรักษ์ สินธุเชาวน์ มูลค่า 10 ล้านบาท เนื่องจากค้างชำระหนี้ที่มีกับธนาคารทิสโก้จำนวน 2 แสนบาทนั้น
ปรากฏว่า ข่าวดังกล่าวยังมีข้อเท็จจริงที่ธนาคารทิสโก้ขอชี้แจงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ธนาคารได้ปฏิบัติตามกฎหมายต่อลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้ ตามกระบวนการในการติดตามหนี้โดยเคร่งครัด ซึ่งการปฏิบัติงานของธนาคารทิสโก้ ในการเจรจาและติดตามหนี้ ทุกขั้นตอนล้วนโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งมีเอกสารบันทึกการติดต่อในทุกขั้นตอน
ในกรณีของคุณอารีรักษ์ ธนาคารฯยืดระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยนานถึง 10 เดือน และเสนอทางเลือกในการชำระหนี้ให้แล้ว แต่คุณอารีรักษ์เองเป็นผู้ขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน และเมื่อศาลตัดสินให้ชำระค่าเสียหายพร้อมคืนกรรมสิทธิ์รถ คุณอารีรักษ์เป็นฝ่ายไม่ชำระตามที่ได้เจรจาไว้ ตลอดจนไม่ส่งมอบรถคืนให้แก่ธนาคารฯ
เมื่อธนาคารฯไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไป คือ การสืบทรัพย์และยึดทรัพย์ในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้พิจารณาแล้วว่า ไม่ใช่การจงใจยึดทรัพย์เกินมูลหนี้ โดยมีเจตนาที่จะทหลูกหนี้เสียหาย จึงดำเนินการยึดทรัพย์ให้
ในส่วนที่ดินที่ทำการยึดทรัพย์ แม้มูลค่าที่ดินแปลงที่ทำการยึดทรัพย์ไว้ ที่มีมูลค่าตามประเมินประมาณ 10 ล้านบาท แต่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีภาระที่ติดจำนองกับธนาคารอื่น อีกจำนวน 9 ล้านบาท ทำให้มีมูลค่าทรัพย์สินเหลือไม่ถึง 1 ล้านบาทเท่านั้น และตามกฎหมายธนาคารฯสามารถหักชำระหนี้ได้ เฉพาะจำนวนหนี้ที่ค้างไว้บวกค่าใช้จ่าย คือ จำนวน 270,000 บาท เท่านั้น ส่วนที่เกินกว่านั้นจะต้องคืนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินต่อไป จึงไม่เป็นความจริงที่ว่า ธนาคารฯร่วมกับเจ้าหน้าที่บังคับคดี ร่วมกันขู่ยึดทรัพย์และทำเกินกว่าเหตุ