อุดรธานี -กรมควบคุมโรคร่วม สสจ.อุดรธานีระดมความเห็นตัวแทนภาครัฐ-เอกชน รณรงค์สถานบันเทิง ปลอดบุหรี่ ก่อนออกกฎเหล็กห้ามสิงห์อมควันสูบบุหรี่ในผับ-บาร์ สถานราชการ เผยสิงห์อมควันหน้าใหม่วัยเยาว์เพิ่มขึ้นถึงปีละ 2 แสน ขณะที่ตัวเลขชาวอีสาน สูบบุหรี่เป็นรองภาคแค่ภาคใต้ ศรีษะเกษครองแชมป์สูงสุด
นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนาวิชาการและรับฟังความคิดเห็นเรื่องสถานบริการบันเทิง ผับและบาร์ปลอดบุหรี่ ที่โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล จ.อุดรธานี โดยมีนักวิชาการ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ องค์การบริหารส่วนจังหวัด -ตำบล ประชาสัมพันธ์จังหวัด เยาวชน สื่อมวลชน และผู้ประกอบการสถานบันเทิง ทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสาน เข้าร่วม
นายสมบัติ กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่า เพื่อสร้างความรู้ ทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ถึงผลกระทบและโทษภัยของควันบุหรี่มือสอง กับผู้ใช้และผู้ที่ประกอบกิจการงานในสถานบริการบันเทิง และยังเป็นการรับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมเสวนา ต่อการกำหนดให้สถานบริการ บันเทิง เป็นเขตปลอดบุหรี่ต่อไปในอนาคต เนื่องจากมีข้อมูลทางวิชาการว่า ควันบุหรี่มือสองทำให้ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่มีควันบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งของอวัยวะต่างๆ
นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจุบันนี้ สถานบริการบันเทิงประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น จาก 5,249 แห่งในปี 2548 เป็น 6,583 แห่ง ในปี 2549 จึงทำให้อุตสาหกรรมบุหรี่มักใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการหลอกล่อและให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่โดยง่าย
จึงส่งผลให้ประเทศไทยมีนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ที่เป็นเยาวชน ถึงปีละประมาณ 200,000 คน จากจำนวนผู้สูบบุหรี่เป็นประจำที่มีอายุ 11 ปีขึ้นไป สำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจไว้ในปี 2549 พบว่ากลุ่มเยาวชนอายุ ระหว่าง 15-54 ปี มีอัตราการบริโภคยาสูบสูงเป็นอันดับ 3 รองจากกลุ่มคนทำงาน อายุ 25-57 ปี
ขณะเดียวกัน ยังพบอีกว่า อัตราการสูบบุหรี่ของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงเป็นอันดับที่ 2 ใกล้เคียงกับภาคเหนือ คือ ร้อยละ 21 รองจากภาคใต้ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่ร้อยละ 23.5 ส่วนภาคกลางมีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำสุด ร้อยละ 18.4 ส่วนข้อมูลของสำนักโรคไม่ติดต่อพบว่า ใน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดที่มีอัตราการสูบบุหรี่มากที่สุดคือจังหวัดศรีสะเกษ ร้อยละ 31.59 รองลงมา คือ จังหวัดกาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ร้อยละ 30.15 และ 28.91 ตามลำดับ
ด้านนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า การผลักดันในเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่เป็นหลักโดยเฉพาะเยาวชน ซึ่งในขณะนี้มีประเทศต่างๆ ได้กำหนดให้สถานบริการผับ บาร์ เป็นเขตปลอดบุหรี่ 100% มากกว่า 10 ประเทศ ส่วนประสบการณ์ของผู้ประกอบการผับ บาร์ในประเทศไทย ที่รณรงค์ให้สถานบริการปลอดบุหรี่แล้ว เช่น โรงเบียร์เยอรมัน ร้านประกอบการสถานบริการต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
ขณะที่นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล หัวหน้ากลุ่มควบคุมการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าการดำเนินการกำหนดให้สถานบริการบันเทิงผับ บาร์เป็นเขตปลอดบุรี่นั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ออกเป็นกฎหมาย โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 โดยผู้ละเมิดฝ่าฝืนไม่จัดเขตปลอดบุหรี่จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ในอนาคตกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใหม่ เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชนหลายเรื่อง นอกจากนี้ จะดำเนินการบังคับใช้ตรวจสอบสถานที่ราชการต่างๆ ให้เป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างจริงจัง คือ สถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข สถานศึกษา ส่วนในระยะยาวกรมควบคุมโรค จะดำเนินการสนับสนุนให้เกิดการฟ้องร้องค่าเสียหายจากบริษัทบุหรี่ด้วย