xs
xsm
sm
md
lg

ปราจีนบุรีจับมือนักดาราศาสตร์ จัดค่ายดาราศาสตร์ดูฝนดาวตกในวันแม่แห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา- วันแม่แห่งชาติ โรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองปราจีนบุรีเทิดไท้มหาราชินี นำนักเรียน-คณะครูจุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมจัดค่ายดาราศาสตร์ยิ่งใหญ่ ชมฝนดาวตกเปอร์ซิอัส ประสานนักดาราศาสตร์ให้ความรู้ตลอดปรากฏการณ์ ผ่านจอโปรเจกเตอร์ เรียนรู้ดาราศาสตร์ผ่านกล้องดูดาวฝีมือคนไทยและความรู้โลกร้อน-ดวงดาว และอวกาศ

เวลา 12.00 น.วันนี้ (8 ส.ค.) นางเกสร รัตนโมรา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 3 (วัดแก้วพิจิตร) สังกัดเทศบาลเมืองปราจีนบุรี อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า “เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2550 เพื่อร่วมเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แม่แห่งชาติไทย โรงเรียนได้จัดกิจกรรมจุดเทียนชัยถวายพระชัยมงคล พร้อมพสกนิกรทั่วประเทศ

จากในวันดังกล่าวมีปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์พร้อมกัน คือ เกิดฝนดาวตกเปอร์ซิอัส ที่สามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ต่อเนื่องไปจนถึงค่อนรุ่งวันที่ 13 สิงหาคม 2550 เพื่อให้เยาวชนกิดการเรียนรู้เรื่องโลกและอวกาศ สถานศึกษาได้จัดค่ายกิจกรรมดาราศาสตร์เพื่อชมฝนดาวตกครั้งนี้ โดยนำคณะครู-นักเรียนระดับชั้น ม.1-ม.3 รวม 60 คน เข้าค่ายดาราศาสตร์ โดยกิจกรรมจะเริ่มหลังเวลา 19.00 น.หลังทุกคนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรในวันแม่แห่งชาติพร้อมกัน นำโดยจ่าสิบเอกโสธร อัมพุชนีวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 3 (วัดแก้วพิจิตร) กำกับการอำนวยการ

กิจกรรมในงาน นอกจากการให้ความรู้ด้านฝนดาวตกเปอร์ซิอัส ความรู้ด้านดาราศาสตร์เกี่ยวกับโลกและอวกาศ โดย นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิตย์ นักดาราดาศาสตร์จากหอดูดาว “บัณฑิต” ที่จะให้ความรู้ผ่านจอโปรเจกเตอร์ในการให้ประสบการณ์ตรงแก่นักเรียน แม้ในวันดังกล่าวจะมีฝนตกหรือฟ้าปิดนักเรียนก็ได้ร่วมแสดงความจงรักภักดีและได้รับความรู้วิทยาศาสตร์สูงสุด

นางเกสร กล่าวอีกว่า กิจกรรมดาราศาสตร์ดังกล่าว เป็นกิจกรรมนำร่องแห่งแรกใน จ.ปราจีนบุรี ที่ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ร่วมเรียนรู้จากนักดาราศาสตร์ สถานที่จัดที่บ้านไม้ทรงปั้นหยา ริมแม่น้ำปราจีนบุรี เลขที่ 5 หมู่ที่ 5 ต.วัดโบสถ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ รองรับคนได้มากกว่า 100 คน

ด้าน นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ กล่าวว่า หอดูดาวบัณฑิตจะได้จัดให้ความรู้ในปรากฏการณ์ฝนดาวตกเปอร์ซิอัส ผ่านจอโปรเจกเตอร์ พร้อมความรู้ดาราศาสตร์เกี่ยวกับโลกและอวกาศที่เป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

นอกจากนี้ จะให้ความรู้เกี่ยวกับการชมกลุ่มดาวต่างๆ การนำกล้องดูดาวฝีมือคนไทยให้นักเรียนได้ชมดวงดาว ปรากฏการณ์ การให้ศึกษาเรียนรู้นิทรรศการเกี่ยวกับกล้องโทรทัศน์ฝีมือประดิษฐ์โดยคนไทย ที่คุณภาพไม่แพ้ต่างประเทศ ที่ประดิษฐ์โดย นายสุวิทย์ พิชิตวณิชย์ธรรม ทีมงานหอดูดาวบัณฑิต พร้อมปรากฏการณ์โลกร้อน และร่วมชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกพร้อมกัน

สำหรับ ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส (Perseid meteor shower) ดาวตกเกือบครึ่งหนึ่งของฝนดาวตกกลุ่มนี้สว่างมาก ส่วนใหญ่มีสีขาว-เหลือง และมีอัตราการเกิดค่อนข้างถี่ เคลื่อนที่เข้าสู่บรรยากาศโลกด้วยอัตราเร็วประมาณ 59 กิโลเมตร/วินาที โดยชุดฝนดาวตกเปอร์ซิอัส สวยงามเป็นรองมาจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ ที่เป็นราชาแห่งฝนดาวตก

ผลจากการเฝ้าติดตาม เพื่อศึกษาปรากฏการณ์และบันทึกภาพทางดาราศาสตร์บนท้องฟ้าดังกล่าว ตลอด 10 ปี ไม่มีโอกาสมองเห็นดาวตกจากฝนดาวตกเพอร์ซิอัสมากนัก เนื่องจากเป็นฤดูฝนท้องฟ้าปิดมีเมฆและฝนทุกๆ ปี หากสภาพท้องฟ้าเปิด จะสามารถมองเห็นฝนดาวตกเพอร์ซิอัสได้ดี เนื่องจากไม่มีแสงจันทร์รบกวน ข้อมูลจากองค์การอุกกาบาตสากล คาดหมายว่า ช่วงปะทะดาวตกสูงสุด 59 ดวง / ชม. เฉลี่ยราว 1 ดวง/นาที

“ฝนดาวตกดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อโลกโคจรผ่านธารสะเก็ดดาวหาง ดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบประมาณ 130 ปี ความเร็วประมาณ 53 กม./วินาที เข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2535 ที่ถูกรังสีจากดวงอาทิตย์ ทำให้ผิวดาวหางระเหิดปลดปล่อยแก๊สและฝุ่นออกมาในอวกาศ สะเก็ดดาวจำนวนมากที่หลุดออกมาจากดาวหางยังคงร่องลอยอยู่ในอวกาศ หากวงโคจรของสะเก็ดดาวเหล่านั้นผ่านใกล้วงโคจรโลก จะทำให้เกิดดาวตกที่มีกำเนิดจากแหล่งเดียวกันจากกลุ่มดาวเพอร์ซิอัส ใกล้กับกลุ่มดาวแคสซิโอเปียในซีกฟ้าเหนือ เรียกว่าฝนดาวตกศาสตร์ ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส” นายวรวิทย์ กล่าวและว่า

สำหรับข้อแนะนำการชมฝนดาวตกดังกล่าว ให้มองทางขอบฟ้าสูงประมาณ 45 องศา ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือเส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวตก จะมีแนวที่ดูคล้ายพุ่งออกมาจากกลุ่มดาวเพอร์ซิอัส ใกล้กับกลุ่มดาวแคสซิโอเปียในซีกฟ้าเหนือ เริ่มตั้งแต่ประมาณ 22.00 น.วันที่ 12 ส.ค. เป็นต้นไป ต่อเนื่องไปถึงเช้าวันที่ 13 ส.ค.2550 จะเริ่มเห็นถี่ขึ้นทีละน้อย ถี่มากที่สุดในช่วงเวลาประมาณ 04.00-05.00 น.

การสังเกตดาวตกให้เห็นได้ชัดควรสังเกตจากสถานที่ที่ฟ้ามืด ห่างจากเมืองใหญ่ ไม่มีแสงไฟรบกวน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เพียงใช้เก้าอี้ผ้าใบหรือนอนดูแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าส่วนใหญ่จะพบเป็นลูกไฟขนาดใหญ่สีขาว - เหลือง แต่มีอุปสรรคไม่สามารถชมปรากฏการณ์ได้มาตลอดช่วง 10 ปี คือ สภาพท้องฟ้าปิดในฤดูฝนดังกล่าวมาโดยตลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น