ศูนย์ข่าวศรีราชา - แก๊งลักเด็กดักอุ้มนักเรียนชั้น ป.2 วัย 8 ขวบ ลูกช่างการบินไทยในหมู่บ้านสามัคคีสัตหีบ จับมัดมือ ปิดตา ปิดปาก ล่ามไว้ในแฟลตร้าง โทรศัพท์หาพ่อเรียกค่าไถ่ตัวลูก 3.5 แสนบาท นัดโยนเงินริมกำแพงค่ายทหาร ตำรวจได้เค้าเป็นคนมีสี
พ.ต.ท.ถาวร อนวัชสกุล สารวัตรเวร สถานีตำรวจภูธรตำบลพลูตาหลวง (สภ.ต.) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจาก นายธนพัฒน์ กมลเดช ทำงานเป็นช่างการบินไทยสนามบินอู่ตะเภา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และนางคำปุ่น กมลเดช อายุ 32 ปี ครูโรงเรียนบ้านพันเสด็จ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พักอยู่บ้านเลขที่ 61/7 หมู่ที่ 1 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ หมู่บ้านสามัคคี 14 ว่าบุตรชายชื่อ เด็กชายเดชาวัฒน์ กมลเดช อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 3 โรงเรียนธัมมสิริศึกษาสัตหีบ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้หายไปจากหน้าหมู่บ้านสามัคคี 14 หมู่ที่ 1 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ ตั้งแต่เวลา 10.30 น.ของวันที่ 31 กรกฎาคม โดยไม่ทราบว่าหายไหน
ต่อมา พ.ต.อ.ไพรัช สุภาสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ผลเกิด รองผู้กำกับการ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลพลูตาหลวง พ.ต.ท.วัลลภ อาจสมิติ สารวัตรปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามหาข้อมูลจนทราบว่าได้มีรถเก๋งสีแดงเลือดหมู เข้าไปในหมู่บ้านในเวลาใกล้เคียงกับที่เด็กหายตัวไป
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายได้โทรศัพท์เข้ายังมือถือของนายธนพัฒน์ กมลเดช พ่อของเด็กที่ถูกอุ้มตัวไป เพื่อขอเงินจำนวน 3.5 แสนบาท จึงจะปล่อยตัวลูกชาย โดยได้นัดหมายส่งเงินกันที่กำแพงริมถนนสุขุมวิทหน้าสนามบินอู่ตะเภา ทำให้นายธนพัฒน์และ ภรรยาเกรงว่าลูกจะได้รับอันตรายจึงได้นำเงินไปโยนให้ 1.5 แสนบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวลูกชาย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารได้ยินเสียงร้องในแฟลตร้าง 3 ชั้น ในขอบรั้วสนามบินอู่ตะเภาจึงได้ขึ้นไปตรวจสอบ พบเด็กชายเดชาวัฒน์ที่ถูกอุ้มหายตัวไปอยู่ในสภาพมือถูกมัดด้วยเชือกมะนิลา ตาและปากถูกปิดด้วยผ้าก๊อซและเทปใส จึงได้ช่วยกันนำตัวออกมา
จากการสอบสวน เด็กชายเดชาวัฒน์ให้การว่า ตอนสายได้ขี่รถจักรยานออกมาจากบ้านพร้อมกับพี่สาว และเพื่อนบ้านอีก 1 คน เพื่อมาซื้อไอศกรีมหน้าหมู่บ้านสามัคคี แต่ขากลับพี่สาวและเพื่อนขี่กลับไปก่อน ได้มีรถเก๋งและคนในรถ 2 คนมาจอดเทียบอุ้มตัวขึ้นรถบังคับไม่ให้ร้องโวยวาย ปิดตา ปิดปาก พาขับรถหนีไปโดยไม่ทราบว่าที่ไหน รู้แต่เพียงว่าพาขึ้นบันไดไป 3 ชั้น ไม่มีคนอยู่ที่นั้นเลย และได้พยายามปริปากและขยับปากตัวเองจนผ้าเทปที่ปิดปากปริออกจึงได้ส่งเสียงร้องเรียกให้คนช่วยเหลือจนมีคนมาช่วยเหลือ
นางคำปุ่น ผู้เป็นแม่กล่าวว่า ขณะที่ลูกหายไปจากบ้านได้ไปทำงานจัดนิทรรศการที่จังหวัดชลบุรี ส่วนพ่อเด็กไปทำงานที่การบินไทยสนามบินอู่ตะเภา เมื่อรู้เรื่องจึงได้รีบแจ้งตำรวจ และติดตามหาลูก จนได้รับโทรศัพท์จากคนร้ายโทร.เข้ามือถือ เพื่อเรียกเงินค่าไถ่ตัวลูกเป็นเงิน 3.5 แสนบาท และได้มีการนัดหมายจ่ายเงินกันที่กำแพงสนามบินอู่ตะเภาติดกับถนนสุขุมวิท ด้วยความกลัวว่าลูกจะได้รับอันตรายจึงได้นำเงินไปให้ก่อน 1.5 แสนบาท เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ตำรวจและทหารช่วยเหลือลูกชายออกมาจากแฟลตร้างเรียบร้อยแล้ว
พ.ต.อ.ไพรัช สุภาสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารสนามบินอู่ตะเภาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะพักอยู่ในค่ายทหารสนามบินอู่ตะเภา และรู้จักกับพ่อและแม่ของเด็กเป็นอย่างดี เพราะเด็กได้ยินคนร้ายคุยกันว่าเป็นหนี้ฟุตบอลจึงต้องจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ขณะนี้ได้ชื่อคนร้ายแล้วจะต้องนำข้อมูลทะเบียนราษฎรพร้อมรูปถ่ายมาให้เด็กยืนยัน ถ้าใช่ก็จะออกหมายจับทันที