กำแพงเพชร – ตำรวจเมืองกล้วยไข่รวบแก๊งค้าของเก่า ตระเวนลักตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ก่อนนำส่งขายกรุงเทพฯ พบเคยก่อเหตุมาก่อนได้ใจย้อนกลับมาอีกครั้งเลยจนมุมเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ
รายงานข่าวจากจังหวัดกำแพงเพชร แจ้งว่า พ.ต.ท.ปติพงษ์ คิสาลัง สารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชร พร้อมด้วยเจ้าหน้าชุดสายตรวจรถจักรยานยนต์ และ ด.ต.อำนาจ แป้นมั่นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลคลองแม่ลาย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์จังหวัดกำแพงเพชร ว่ามีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค.50 น่าจะมีเหตุคนร้ายลักตัดสายเคเบิ้ลโทรศัพท์ ที่บริเวณถนนพหลโยธินขาขึ้น เลยแขวงการทางกำแพงเพชร ไปทางโค้งขี้เหล็ก หมู่ที่ 8 ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร จึงรีบไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์
ขณะที่กำลังใช้สปอตไลต์ส่องสว่างดูความผิดปกติของสายเคเบิลริมถนน พบสายเคเบิลถูกตัดห้อยลงและมีคนจำนวน 2-3 คนวิ่งหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุซึ่งห่างถนนประมาณ 10 เมตรติดทุ่งนาพบสายเคเบิลโทรศัพท์ขนาด 200 คู่สาย ถูกตัดเป็นท่อนๆ มีความยาวประมาณ 1 เมตรจำนวน 44 ท่อนและสายเคเบิลปลอกแล้ว 1 มัด หม้อแบตเตอรี่พร้อมไฟฉาย 1 ชุดคีมตัดลวด 2 อัน กระสอบปุ๋ยจำนวน 8 ใบ เหล็กที่ใช้สำหรับปีนเสาไฟฟ้าจำนวน 2 อัน รถจักรยานยนต์ต่อเติมคัดแปลงเป็นสามล้อเครื่องจอดอยู่ 1 คันหมายเลขทะเบียนกกต- 280 แพร่
ขณะกำลังตรวจสอบของอยู่นั้น ได้เห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าข้างทาง จึงสอบถามและควบคุมตัวทราบชื่อต่อมาว่า นายรุ่งอรุณ หอมไม่หาย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ที่ 6 ต.ทัพหลวง อ.หนองหญ้าไทร จ.สุพรรณบุรี ซึ่งให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายอ๊อฟ (ไม่ทราบนามสกุล) และนายบุญรุ่ง คำสุข อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 14 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร ที่ได้หลบหนีไปขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสันบิ๊กเอ็ม จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้สภาพเก่า ซึ่งจอดอยู่ที่ปั๊มน้ำเอสโซ่ตรงข้ามแขวงการทางกำแพงเพชร
จากการสอบถามนายรุ่งอรุณทราบว่าเคยมีอาชีพรับซื้อของเก่าอยู่ที่กรุงเทพต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นกรรมกรก่อสร้าง และได้นางจำปี คำสุข เป็นภรรยา ก่อนที่จะมารู้จักกับนายอ๊อฟ ซึ่งทราบแต่เพียงว่าบ้านเดิมอยู่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งรับซื้อของเก่าไปขายที่กรุงเทพส่วนนายบุญรุ่ง คำสุข นั้นเป็นน้องภรรยา ต่อมาจึงวางแผนที่จะลักตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ โดยทำครั้งแรกวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 โดยเอาเฉพาะส่วนที่เป็นทองแดง ใส่กระสอบปุ๋ยบรรทุกใส่รถยนต์ไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าชื่อมิตรอารีย์ เขตบางกะปิ กรุงเทพ กิโลกรัมละ 215 บาทได้เงินจำนวน 35,000 บาท
จากนั้นวันที่ 26 กรกฎาคม 2550 ได้วางแผนที่จะมาลักตัดสายเคเบิลโทรศัพท์อีกครั้งและเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาถึงบ้านภรรยาเวลา 24.00 น.จึงนำรถจักรยานยนต์ดัดแปลงเป็นสามล้อเครื่อง และรถกระบะไปลักตัดสายเคเบิลจนถูกจับดังกล่าว
จากการถูกตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ทำให้องค์การโทรศัพท์เกิดความเสียหายมูลค่านับล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรุ่งอรุณ ไปดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์และติดตามตัวนายอ๊อฟ กับนายบุญรุ่ง มาดำเนินคดีต่อไป
รายงานข่าวจากจังหวัดกำแพงเพชร แจ้งว่า พ.ต.ท.ปติพงษ์ คิสาลัง สารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชร พร้อมด้วยเจ้าหน้าชุดสายตรวจรถจักรยานยนต์ และ ด.ต.อำนาจ แป้นมั่นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลคลองแม่ลาย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์จังหวัดกำแพงเพชร ว่ามีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค.50 น่าจะมีเหตุคนร้ายลักตัดสายเคเบิ้ลโทรศัพท์ ที่บริเวณถนนพหลโยธินขาขึ้น เลยแขวงการทางกำแพงเพชร ไปทางโค้งขี้เหล็ก หมู่ที่ 8 ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร จึงรีบไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์
ขณะที่กำลังใช้สปอตไลต์ส่องสว่างดูความผิดปกติของสายเคเบิลริมถนน พบสายเคเบิลถูกตัดห้อยลงและมีคนจำนวน 2-3 คนวิ่งหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุซึ่งห่างถนนประมาณ 10 เมตรติดทุ่งนาพบสายเคเบิลโทรศัพท์ขนาด 200 คู่สาย ถูกตัดเป็นท่อนๆ มีความยาวประมาณ 1 เมตรจำนวน 44 ท่อนและสายเคเบิลปลอกแล้ว 1 มัด หม้อแบตเตอรี่พร้อมไฟฉาย 1 ชุดคีมตัดลวด 2 อัน กระสอบปุ๋ยจำนวน 8 ใบ เหล็กที่ใช้สำหรับปีนเสาไฟฟ้าจำนวน 2 อัน รถจักรยานยนต์ต่อเติมคัดแปลงเป็นสามล้อเครื่องจอดอยู่ 1 คันหมายเลขทะเบียนกกต- 280 แพร่
ขณะกำลังตรวจสอบของอยู่นั้น ได้เห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าข้างทาง จึงสอบถามและควบคุมตัวทราบชื่อต่อมาว่า นายรุ่งอรุณ หอมไม่หาย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ที่ 6 ต.ทัพหลวง อ.หนองหญ้าไทร จ.สุพรรณบุรี ซึ่งให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายอ๊อฟ (ไม่ทราบนามสกุล) และนายบุญรุ่ง คำสุข อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 14 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร ที่ได้หลบหนีไปขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสันบิ๊กเอ็ม จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้สภาพเก่า ซึ่งจอดอยู่ที่ปั๊มน้ำเอสโซ่ตรงข้ามแขวงการทางกำแพงเพชร
จากการสอบถามนายรุ่งอรุณทราบว่าเคยมีอาชีพรับซื้อของเก่าอยู่ที่กรุงเทพต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นกรรมกรก่อสร้าง และได้นางจำปี คำสุข เป็นภรรยา ก่อนที่จะมารู้จักกับนายอ๊อฟ ซึ่งทราบแต่เพียงว่าบ้านเดิมอยู่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งรับซื้อของเก่าไปขายที่กรุงเทพส่วนนายบุญรุ่ง คำสุข นั้นเป็นน้องภรรยา ต่อมาจึงวางแผนที่จะลักตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ โดยทำครั้งแรกวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 โดยเอาเฉพาะส่วนที่เป็นทองแดง ใส่กระสอบปุ๋ยบรรทุกใส่รถยนต์ไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าชื่อมิตรอารีย์ เขตบางกะปิ กรุงเทพ กิโลกรัมละ 215 บาทได้เงินจำนวน 35,000 บาท
จากนั้นวันที่ 26 กรกฎาคม 2550 ได้วางแผนที่จะมาลักตัดสายเคเบิลโทรศัพท์อีกครั้งและเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาถึงบ้านภรรยาเวลา 24.00 น.จึงนำรถจักรยานยนต์ดัดแปลงเป็นสามล้อเครื่อง และรถกระบะไปลักตัดสายเคเบิลจนถูกจับดังกล่าว
จากการถูกตัดสายเคเบิลโทรศัพท์ทำให้องค์การโทรศัพท์เกิดความเสียหายมูลค่านับล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรุ่งอรุณ ไปดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์และติดตามตัวนายอ๊อฟ กับนายบุญรุ่ง มาดำเนินคดีต่อไป