อุดรธานี - ตำรวจท่องเที่ยวอุดรฯ คัดตัวแทนแต่ละกลุ่มอาชีพ รวมถึงชาวต่างประเทศที่มาอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทยในพื้นที่เข้าอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังสร้างบรรยากาศความประทับใจแขกต่างเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่าที่ห้องประชุมโรงแรมต้นคูน อ.เมือง จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี ได้เป็นประธานเปิดการอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยวอุดรธานี ให้กับประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบกิจการต่าง ๆ ชาวต่างประเทศที่มาอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทยในพื้นที่ และนักเรียน นักศึกษา จำนวน 60 คน
พ.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ธนะกิจไพโรจน์ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 อุดรธานี กล่าวว่า การอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เป็นโครงการที่ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวปี พ.ศ.2549-2551 เพื่อรับรองจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในแต่ละปี
พื้นที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศบางส่วนได้มาอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทย อีกทั้งยังมีเทศกาลต่างๆ ซึ่งทางจังหวัดจัดขึ้นเป็นประจำตลอดทั้งปี เช่น งานทุ่งศรีเมืองอุดรธานี งานอนุสาวรีย์ปราบฮ่อหนองคาย ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทราบกันดี คือปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค
ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาเฝ้าชมกันเป็นจำนวนมากมากมายมหาศาล ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ในการให้บริการนักท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพและการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กันไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องเตรียมความพร้อมของอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่มีอยู่จำกัด
พ.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย เนื้อหาการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีและการเป็นเจ้าบ้านที่ดี, การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเบื้องต้น, ขั้นตอนในการเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว, ข้อควรปฎิบัติของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร การใช้ภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ, กฎระเบียบข้อบังคับ และการปฏิบัติงานของอาสาสมัครฯ เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมสามารถให้บริการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่าที่ห้องประชุมโรงแรมต้นคูน อ.เมือง จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี ได้เป็นประธานเปิดการอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยวอุดรธานี ให้กับประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบกิจการต่าง ๆ ชาวต่างประเทศที่มาอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทยในพื้นที่ และนักเรียน นักศึกษา จำนวน 60 คน
พ.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ธนะกิจไพโรจน์ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 อุดรธานี กล่าวว่า การอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เป็นโครงการที่ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวปี พ.ศ.2549-2551 เพื่อรับรองจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในแต่ละปี
พื้นที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศบางส่วนได้มาอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทย อีกทั้งยังมีเทศกาลต่างๆ ซึ่งทางจังหวัดจัดขึ้นเป็นประจำตลอดทั้งปี เช่น งานทุ่งศรีเมืองอุดรธานี งานอนุสาวรีย์ปราบฮ่อหนองคาย ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทราบกันดี คือปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค
ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาเฝ้าชมกันเป็นจำนวนมากมากมายมหาศาล ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ในการให้บริการนักท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพและการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กันไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องเตรียมความพร้อมของอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่มีอยู่จำกัด
พ.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย เนื้อหาการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีและการเป็นเจ้าบ้านที่ดี, การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเบื้องต้น, ขั้นตอนในการเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว, ข้อควรปฎิบัติของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร การใช้ภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ, กฎระเบียบข้อบังคับ และการปฏิบัติงานของอาสาสมัครฯ เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมสามารถให้บริการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด