xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดโต-ที่ดินแพงในตะวันออก ปิดทางต่างชาติชอปสนามกอล์ฟราคาถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กุลธร มีสมมนต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บูรพา กอล์ฟ คลับจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานชมรมสนามกอล์ฟภาคตะวันออก
ศูนย์ข่าวศรีราชา -ประธานชมรมสนามกอล์ฟภาคตะวันออก ชี้จำนวนนักกอล์ฟที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่แนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในธุรกิจสูงตาม โดยในอนาคตจะเห็นการลงทุนสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักกอล์ฟในสนามต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แต่หากสถานการณ์การเมืองยังไม่สิ้นสุดภายในเดือนตุลาคม ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้การลงทุนหยุดชะงัก เหตุต่างชาติไม่มั่นใจจนหันไปเล่นกอล์ฟในประเทศอื่น ส่วนกระแสต่างชาติแห่กว้านซื้อสนามกอล์ฟเป็นไปได้ยาก เพราะสนามขนาด 18 หลุมเริ่มต้นที่ 500 ล้านบาท โดยไม่รวมราคาที่ดิน

นายกุลธร มีสมมนต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บูรพา กอล์ฟ คลับจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานชมรมสนามกอล์ฟภาคตะวันออก เผยถึงการเติบโตโดยรวมของธุรกิจสนามกอล์ฟในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันมีมากถึง 33 สนามว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2550 ตลาดเติบโตสูงถึง 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากตัวเลขการเติบโตของธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออก ในแต่ละปีมีเพียง 14-15% เท่านั้น โดยเป็นผลมาจากการรวมตัวของผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ ซึ่งร่วมกันเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและจัดแข่งขันกอล์ฟในรูปแบบต่างๆ

ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา ตลาดกลับได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ 4 ประการคือ 1.ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ 2.ความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้ตลาดหลักซึ่งเป็นนักกอล์ฟต่างชาติหันไปเล่นกอล์ฟในประเทศอื่น 3.ราคาน้ำมันที่ปรับตัวถึง 100% ทำให้นักกอล์ฟชาวไทยชะลอการใช้จ่าย และ 4.การเกิดใหม่ของสนามกอล์ฟที่ในปีนี้มีการขยายตัว 10-15% จากจำนวนสนามที่มีทั้งหมด 97 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ตลาดนักกอล์ฟที่มีอยู่ถูกแชร์ออกไปจนก่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคา

อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองและความวุ่นวายต่างๆ ได้ภายในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซันที่จะมีนักท่องเที่ยวและนักกอล์ฟเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก ก็อาจทำให้ธุรกิจในภาคบริการและการท่องเที่ยว รวมทั้งสนามกอล์ฟทั่วประเทศได้รับผลกระทบ และอาจมีพนักงานระดับล่างตกงานเป็นจำนวนมาก

นายกุลธร ยังเผยถึงกระแสข่าวการเข้ามาชอปปิ้งสนามกอล์ฟราคาถูก ในพื้นที่ภาคตะวันออกของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่ามีสนามในพื้นที่ประมาณ 3-4 แห่งประกาศขาย แต่ก็เป็นการประกาศขายในราคาไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมโดยไม่รวมราคาที่ดิน ซึ่งการประกาศขายเกิดจากบางส่วนเป็นสนามที่มีปัญหา NPLs และบางแห่งอยู่ในการดูแลของแบงก์พาณิชย์ ซึ่งไม่มีการพัฒนาเพิ่มเติมจนไม่มีนักกอล์ฟชาวไทยเข้าเล่นและจำเป็นต้องขายทอดตลาด

ในส่วนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่ไม่มีแนวคิดที่จะขายสนาม และต้องการพัฒนางานบริการต่างๆ เพิ่มให้ครอบคลุมกับความต้องการของกลุ่มนักกอล์ฟ ที่นิยมเข้ามาใช้สนามในภาคตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักกอล์ฟคุณภาพอย่างยุโรป สแกนดิเนเวีย รัสเซียและญี่ปุ่น
นักกอล์ฟจากชาติต่างๆ ยังคงนิยมเข้ามาใช้สนามกอล์ฟในภาคตะวันออก เนื่องจากมีระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ที่สำคัญสนามส่วนใหญ่ยังมีลูกค้าหลักเป็นผุ้บริหารระดับสูงในโรงงานต่างๆ ภายในนิคมฯทั่วภาคตะวันออก
"ก่อนหน้านี้มีผู้ให้ข่าวว่าสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกหลายสนามจะขาย รวมทั้งสนามกอล์ฟบูรพา ที่ผมบริหารอยู่ด้วย ซึ่งหลายสนามที่เขาระบุล้วนแต่มีลูกค้าในมือและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับบูรพากอล์ฟที่มีแผนพัฒนาอีกหลายอย่าง จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องขาย เลยทำให้เกิดความสับสน ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าเจ้าของสนามในภาคตะวันออกส่วนใหญ่เป็นคนไทย ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง และมีแต่จะลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาโรงแรมให้สามารถรองรับนักกอล์ฟได้ แต่ปัจจัยลบที่เกิดอยู่ในขณะนี้ทำให้เขายังไม่กล้าลงทุน ส่วนสนามที่ประกาศขายเป็นเพราะว่ามันจำเป็นต้องขายจริงๆ ไม่ใช่เพราะสภาพตลาดไม่ดี"

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของ ผู้จัดการ พบว่าสนามกอล์ฟ ที่ประกาศขายในพื้นที่ภาคตะวันออก ประกอบด้วย สนามกอล์ฟ เซ็นจูรี่ บ้านบึง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดประมูล และมีนักลงทุนเกาหลีสนใจที่จะซื้อเพื่อพัฒนาให้เป็นสนามสำหรับรองรับกลุ่มชาวเกาหลีที่เข้ามาทำงานในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก

นอกจากนั้นยังมีสนามเกรทเลค ที่ประกาศขายมานานนับ 10 ปี เช่นเดียวกับสนามกอล์ฟฟินิกซ์ ที่อยู่ในการดูแลของธนาคารไทยพาณิชย์และเคยอยู่ในความสนใจของตระกูลชินวัตร แต่ยังไม่มีความคืบหน้าการเจรจาเรื่องการประมูล ส่วนสนามกอล์ฟบางพระ ปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เข้ามาบริหารในระยะยาว และเปลี่ยนชื่อเป็น บางพระ อินเตอร์เนชันแนล กอล์ฟ คลับ

ประธานชมรมสนามกอล์ฟภาคตะวันออก ยังเผยถึงปัจจัยลบที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่สนใจซื้อสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกว่า นอกจากราคาขายที่สูงและราคาที่ดินซึ่งมีราคาแพง และไม่สามารถครอบครองตามกฎหมายได้แล้ว ทำเลของสนามกอล์ฟซึ่งส่วนใหญ่ไม่ติดทะเล ทำให้ไม่สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ กลุ่มทุนต่างชาติจึงไม่สนใจที่จะเทกโอเวอร์เหมือนสนามกอล์ฟที่หัวหิน ซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลและสามารถพัฒนาโครง การอสังหาริมทรัพย์ภายในสนามกอล์ฟเพื่อขายต่อได้

" ยืนยันนะว่าสนามกอล์ฟส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกไม่มีการเปลี่ยนมือ ส่วนที่มีการประกาศขายเพราะมันมีความจำเป็นต้องขายจริงๆ คือเจ้าของเก่าเขาไม่ทำแล้ว เพราะการทำธุรกิจสนามกอล์ฟมันยากที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่จะเห็นแน่ๆ ในอีก 1-2 ปีก็คือสนามกอล์ฟระดับ 5 ดาวที่จะเกิดในพื้นที่อีก 4-5 แห่ง ขณะที่ผู้ประกอบการเก่าก็จะเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่อให้ทันกับการแข่งขัน เพราะในช่วงไฮซีซันตัวเลขนักกอล์ฟจะดับเบิลเป็นเท่าตัว ดังนั้นคนที่มีการพัฒนาจึงจะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ แต่ในส่วนของผู้ประกอบการแล้วก็ยังคงทำตลาดร่วมกันแต่แข่งขันกันในงานบริการเท่านั้น " นายกุลธร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น