นครปฐม - หมู่บ้านนำร่องการบริหารจัดการภัยพิบัติจังหวัดนครปฐม วางแผนรับมือและแก้ไขปัญหา “เมืองจมบาดาล” ช่วงหน้าฝนที่กำลังเข้ามาถึง
เหตุการณ์จากเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ชาวนครปฐมโดยเฉพาะประชาชนที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ในเขตอำเภอบางเลน นครชัยศรี สามพราน ยังคงจดจำได้ดี หลังจากระดับน้ำจำนวนมหาศาลได้ไหลทะลักเข้ามาท่วมท้องที่ทำกินรวมถึงที่อยู่อาศัยของประชาชน อย่างรวดเร็ว และเป็นปรากฏการณ์เหนือความคาดหมาย เกินกว่าที่จะควบคุมและยับยั้ง รวมถึงแก้ไขได้อย่างทันท่วงที โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีจังหวัดสุพรรณบุรี อยุธยา ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วย การวางมาตรการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบจึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง
นายปรีชา บุตรศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยพิบัตินับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับชุมชน/หมู่บ้านเสี่ยวภัยมีเป็นจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมประชาสัมพันธ์ กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสภากาชาดไทย
ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือของโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการจัดการภัยพิบัติ เพื่อร่วมกันดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการจัดการภัยพิบัติให้แก่ชุมชน/หมู่บ้านเสี่ยงภัย ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสาธารณภัย รู้จักการวางแผนจัดการความเสี่ยง มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนภัย และการฝึกซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีความสามารถเชิญเหตุในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยใช้แนวคิดการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยอาศัยชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้
โดยเพื่อให้ชุมชน/หมู่บ้านเสี่ยงภัยของจังหวัดนครปฐม มีความเข้มแข็ง โดยการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเสริมสร้างความเข็มแข็งของชุมชนในการจัดการภัยพิบัติ จังหวัดนครปฐม ได้คัดเลือกหมู่บ้านนำร่องในการจัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐมประจำปี 2550 ขึ้น
โดยการจัดฝึกอบรมประชาชนหมู่ที่ 5, 6, 7 และ 8 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2550 ณ ศาลาอเนกประสงค์สว่างอารมณ์ ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยวิทยากรที่ผ่านการอบรม หลักสูตรวิทยากรการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน ระดับจังหวัด รุ่นที่ 10 ระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2550 ณ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดปทุมธานี จำนวน 9 คน ประกอบด้วย นายโกเมศ ฉิมมี จากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม นายปริวรรน์ แสงพิทักษ์
จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม นายพิสิฐ เต็กจินดา จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 1 นางจินตวณี ธีร์ญานานนท์ จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม นายมโณ บุญวรรโณ จากพัฒนาชุมชนจังหวัดนครปฐม นายพงษ์ศักดิ์ รุจราวัตถ์ จากปกครองจังหวัดนครปฐม นายประมูล อุ่นเรือน จากสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดนครปฐม นางสาวส่งศรี สุรสิงห์ จากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม และนายทวนชัย นิติวัฒนะ จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าไปมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการสาธารณภัยเบื้องต้นอย่างเป็นระบบ โดยชุมชนคิดเอง ทำเองและใช้ทรัพยากรของชุมชนเอง ตลอดจนให้ชุมชน/หมู่บ้านเป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการด้านสาธารณภัย
โดยให้จัดตั้งเป็นรูปคณะกรรมการหมู่บ้าน/ชุมชน สามารถที่จะป้องกันและลดความสูญเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดเครือข่ายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับหมู่บ้าน/ชุมชน และที่สำคัญเพื่อต่อยอดให้ประชาชนในชุมชนเสี่ยงภัย สามารถวิเคราะห์สาเหตุของภัยในชุมชน กำหนดแนวทางแก้ไข จัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และฝึกซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดระบบเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนภัย รวมทั้งมีอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรือมิสเตอร์เตือนภัย ในพื้นที่ที่สามารถใช้ความรู้และหลักการจัดการภัยพิบัติ ด้านการป้องกัน บรรเทา และฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการปฏิบัติก่อนเกิดภัยพิบัติ จะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัยในระดับชุมชน อาทิ การจัดระบบเตือนภัยและระบบแจ้งภัย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยมีโอกาสและเวลาเพียงพอในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ หรือมีโอกาสเพียงพอที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบในทางลบที่จะเกิดขึ้น และระบบเตือนภัยและระบบแจ้งภัยควรดำเนินการผ่านองค์การองค์กร สถาบันหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ขั้นตอนการปฏิบัติขณะเกิดภัยพิบัติ คณะอนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งฝ่ายการอพยพหนีภัยและที่พักฉุกเฉิน
พร้อมด้วยทีมงานกู้ภัยและช่วยชีวิตผู้ประสบภัย ทีมอพยพผู้ประสบภัย ทีมดูแลผู้ประสบภัย และทีมรักษาพยาบาล รวมตัวกัน ณ จุดรวมพล เช่น ศาลาอเนกประสงค์ และทำการตรวจสอบความพร้อมทั้งเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือและยานพาหนะ และขั้นตอนการปฏิบัติหลังการเกิดภัยพิบัติ จะต้องมีการจัดตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยเลือกสถานที่ที่เหมาสมตามสถานการณ์ในขณะนั้น โดยให้ศูนย์บรรเทาทุกข์ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายบรรเทาทุกข์จัดหาและจัดการด้านอาหาร น้ำและเครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และปัจจัยที่จำเป็นเบื้องต้นในชีวิตประจำวันให้แก่ผู้ประสบภัย
หากทุกคนและทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังในการนำแนวคิดในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ความเสียหายและสูญเสียอันเนื่องมาจากภัยพิบัติที่เคยเกิดแก่ชุมชนและประเทศก็จะลดลง งบประมาณและทรัพยากรที่ต้องนำไปใช้จ่ายในการฟื้นฟู บูรณะและแก้ไขความเสียหายซึ่งเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ก็จะสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น
แต่สุดท้ายการดำเนินการในเรื่องต่างๆ นั้น จะประสบผลได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของประชาชน และชาวบ้านเกษตรกร และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบเป็นหลัก ว่าจะมีการประสานงานและสร้างความเข้าใจเพื่อสร้างผลของงานให้ออกมาประจักษ์เป็นรูปธรรมหรือไม่ รวมทั้งการดำเนินการแบบบูรนาการจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการไขปัญหา ซึ่งเมื่อถึงฤดูน้ำอีกครั้งเราจะได้ทราบว่าการวางมาตรการที่รัฐบาลได้ตั้งไว้นั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ คงต้องคอยติดตามกันต่อไป