ลำปาง - เจ้าคณะจังหวัดลำปางลงดาบสั่งปิดวัดดังลำปาง หลังเจ้าอาวาสถูกคณะกรรมการร้องเรียน 11 ข้อหา
ที่วัดบุญวาทย์วรวิหาร จังหวัดลำปาง คณะสงฆ์ระดับพระสังฆาธิการ ประกอบด้วย พระราชธรรมลังการ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง ร่วมกับรองเจ้าคณะจังหวัดอีกสองรูป พระครูจินดารัตนาภรณ์ พระครูปัญญาศีลวิมล และพระครูสิริกิจจาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง ได้ประชุมไต่สวนในคำร้องเรียนของคณะกรรมการวัดศรีชุม และพระเฉลียว สกุกญาโณ เจ้าอาวาสวัดศรีชุม
ทั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมการวัดศรีชุม นำโดย นายบันดาล กล้าผจญ ไวยาวัจกร และกรรมการวัดฝ่ายต่างๆ จำนวน 8 คน ตลอดจน นายศุภชัย ธรรมวงค์ ทายาทโยมผู้อุปฐากวัดศรีชุม ได้ทำหนังสือเผยพฤติกรรมและการประพฤติตนของเจ้าอาวาสวัดศรีชุม รวม 11 ข้อ มีสาระสำคัญรวม คือ เจ้าอาวาส ดำเนินการทางการเงินโดยพละการ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากไวยาวัจกรและคณะกรรมการวัด ภายหลังมีการเปิดบัญชีใหม่ และตนเป็นผู้เก็บบัญชีธนาคารทุกเล่มไว้ และใช้วิธีเซ็นเบิกจ่ายเองทั้งหมด
เจ้าอาวาสให้ช่างรับเหมาทำการรื้อและขุดบริเวณรอบโบสถ์ และขุดย้ายลูกนิมิตพัทธสีมา เดิมแล้วปูด้วยศิลาแลงเป็นแอ่งโดยรอบ ทำให้เวลาฝนตกมีน้ำท่วมขัง และได้นำใบเสร็จค่าใช้จ่าย ขอเบิกกับทางบัญชีวัด โดยไม่ฟังการคัดค้านของคณะกรรมการ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเดิมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร ซึ่งอาจมีสิ่งของที่ค่า เช่น แก้วแหวนเงินทองที่คนสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า ร่วมกันบริจาคทานและฝังพร้อมลูกนิมิตไว้สูญหาย
นอกจากนี้ เจ้าอาวาสยังได้แอบอ้างคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะอำเภอ ให้ย้ายโรงเรียนกวดวิชาไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ซึ่งมี นางดวงพร และนายอเล็กซานเดอร์ เซบาสเตียน ได้ขออนุญาต และบริจาคเงินให้วัดเดือนละ 4,500 บาท โดยได้ดำเนินการมานานถึงสิบๆ ปี ตลอดจนได้ถวายความรู้ให้แก่พระภิกษุ สามเณรใน จ.ลำปาง โดยไม่คิดค่าเล่าเรียนมาตลอด ออกไปอยู่ที่อื่น โดยคณะกรรมการอ้างว่าสาเหตุเนื่องจาก ไม่พอใจที่นายอเล็กซานเดอร์ เซบาสเตียน ซึ่งเป็นชาวพม่า สัญชาติไทยหนึ่งในคณะกรรมการวัดที่ร่วมปลดเจ้าอาวาสวัด ด้วย
ในการไต่สวนของเจ้าคณะจังหวัดลำปาง ได้ให้เจ้าอาวาสได้ชี้แจงแบบข้อต่อข้อ และให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายไม่สามารถไกล่เกลี่ยและหาข้อยุติร่วมกันได้ เจ้าคณะจังหวัดลำปางจึงมีคำสั่งให้ปิดวัดศรีชุมชั่วคราว ให้คู่กรณีทุกฝ่ายพ้นหน้าที่ไป รวมถึงพระลูกวัดทั้งหมด รวม 14 รูป ตลอดจนถึงพระเฉลียว สกุกญาโณ เจ้าอาวาสให้ย้ายออกไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนจะแต่งตั้งพระองค์ใดขึ้นมารักษาการ - คณะกรรมการชุดไหนเข้ามาดูแล ตลอดจนจะให้พระภิกษุ สามเณร รูปใดเข้ามาอยู่ในวัด ให้แล้วแต่ นางเพ็ญจันทร์ ธรรมวงค์ คหบดีชาวลำปางเชื้อสายพม่า ที่เป็นอุบาสิกา และโยมอุปฐากของวัดคัดสรรมาเอง
สำหรับวัดศรีชุมเดิมเป็นวัดร้าง มีเพียงศาลา บ่อน้ำ และต้นโพธิ์ คหบดีชาวพม่าที่เข้ามาทำไม้จึงมาขออนุญาตเจ้าผู้ครองนครลำปางบรูณะขึ้นเป็นวัดและใช้ชื่อเป็นภาษาพม่าว่า “หญ่องไวง์จอง” เมื่อปี พ.ศ.2435 เป็นวัดที่มีการก่อสร้างแบบศิลปะพม่าที่สวยงามที่สุดในภาพเหนือ ชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน มีชาวต่างชาติ และกองถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องให้ความสนใจจนมีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัดลำปางและภาคเหนือ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2535 หรือ 100 ปีเต็ม ได้เกิดเพลิงไหม้ทำให้กุฏิล้ำค่าเสียหายหมด
กรมศิลปากรจึงให้งบฟื้นฟูใหม่จำนวนประมาณ 30 ล้านบาท โดยสั่งช่างฝีมือจากประเทศพม่าเข้ามาบูรณะก่อสร้างจนสวยงามตามรูปแบบเดิม เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาเจ้าอาวาสรูปเดิมล้มป่วยและมรณภาพลง ประกอบกับมีปัญหาภายในจากการที่พระพม่าเข้ามาอาศัยอยู่อย่างไม่ถูกต้อง
คณะสงฆ์จังหวัดลำปาง จึงสั่งให้คณะพระสงฆ์ไทยสายมหานิกาย เข้าบริหารและแต่งตั้งพระเฉลียว กุกญาโณ จากวัดพระเจดีย์ซาวหลัง มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และได้แต่งตั้งคณะกรรมการวัดชุดนี้เข้ามาทำงาน แต่สุดท้ายก็เกิดความแตกแยก และเจ้าคณะจังหวัดต้องมีคำสั่งปิดวัดชั่วคราวเปิดแก้ไขปัญหาดังกล่าว