ศูนย์ข่าวศรีราชา - อดีตนายก อบจ.ระยอง เปิดใจหลังถูกใบเหลือง เผยระยองต้องเลือกตั้งนายก อบจ.ใหม่เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งสร้างความอับอายไปทั่วประเทศ พร้อมทั้งรัฐต้องเสียงบประมาณไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท
นายสิน กุมภะ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง เปิดเผยหลังจากที่โดนใบเหลือง เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 5 เดือนว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2547 เป็นต้นมา มีการเลือกตั้งถึง 3 ครั้ง หลังนายก อบจ.เข้ามาบริหารได้เพียง 2 ปี ก็ลาออก ต้องเลือกตั้งกันใหม่เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 คนได้เข้ามารับตำแหน่งนายก อบจ.ได้เพียง 5 เดือน ก็ถูกใบเหลือง เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่ในวันที่ 15 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้
นับว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 5 สร้างความอับอายไปทั่วประเทศ สาเหตุเพราะนักการเมืองท้องถิ่นขาดสปิริต ฟ้องกันไปฟ้องกันมา ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท เลือกตั้งครั้งนี้ก็ต้องเสียงบประมาณอีก 10 ล้านบาท เรื่องนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งต่างคนต่างไม่ยอมกัน
การเลือกตั้งครั้งนี้ ตนยืนยันได้เลยว่า น่าจะมีการฟ้องร้องกันอีกไม่รู้จักจบสิ้น อีกทั้งประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ จังหวัดระยอง มีหัวหน้ากลุ่มการเมืองท้องถิ่นอยู่ 5 กลุ่มใหญ่ คือ ตระกูลกุมภะ ตระกูลการุญ ตระกูลอรุณเวสสะเศรษฐ ตระกูลกฤษณะราช และตระกูลปิตุเตชะ ทำไมต้องมาทะเลาะกัน ทั้งๆ ที่ตนเข้าไปเป็นนายก อบจ.การเมืองท้องถิ่นก็ยังไม่นิ่ง
“ผมอยากให้เกิดความสมานฉันท์ ผมไม่เคยคิดจะแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะทุกคนก็เป็นตัวแทนชาวบ้าน มีเจตนาความตั้งใจมีจุดหมายอันเดียวกันที่จะช่วยเหลือประชาชน แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีนักการเมืองบางกลุ่มพยายามตั้งแง่ งบประมาณก็จัดสรรให้กับสมาชิก อบจ. อย่างเสมอภาคมีความเท่าเทียมกันทั้ง 30 เขต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายบริหาร ทั้งนี้ คณะผู้บริหารยังให้งบต่อยอดส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านได้อยู่ดีกินดี”
นายสิน กล่าวต่อว่า ตนอยากให้การเมืองท้องถิ่นระยองราบรื่น ร่วมแสดงเจตนารมณ์ที่จะสร้างความสมานฉันท์ แต่ละกลุ่มขอให้ลดทิฐิลงบ้าง หันมาร่วมกันสร้างจังหวัดระยองให้เจริญทัดเทียมหน้าจังหวัดอื่น หากยังมีทิฐิซึ่งกันและกันแบ่งพรรคแบ่งพวก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องมีการเลือกตั้งนายก อบจ.อีกกี่ครั้งแล้วประชาชนจะได้อะไร
“ผมยื่นไมตรีจิตไปสู่ทุกกลุ่มหันหน้ามาร่วมมือกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ถ้าให้ผมเป็นผู้เจรจา กลุ่มอรุณเวสสะเศรษฐ และกลุ่มปิตุเตชะ น่าจะจับมือร่วมงานกันได้ เมื่อสถานการณ์คลายความตึงเครียด คิดว่า การเมืองน่าจะนิ่ง แบ่งขั้วกันลงตัว ในอนาคตมีการเลือกตั้งระดับประเทศ ก็น่าจะร่วมมือกันได้อีก บ้านเมืองจะได้มีความเจริญเหมือนเช่น ชลบุรี และสุพรรณบุรี”