เชียงราย – 2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมืองพ่อขุน เร่งงัดกฎเหล็กคุมเข้มมาตรฐานการก่อสร้าง – เขตคุมอาคารสูง รองรับปัญหาแผ่นดินไหว หลังเจอฤทธิ์แผ่นดินไหวซ้ำหลายครั้ง พร้อมแนะ อปท.ทั่วภาคเหนือให้ความสนใจมาตรฐานการก่อสร้างในพื้นที่เพิ่ม รับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจังหวัดเชียงราย ได้ประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหว 2 ครั้งซ้อน คือ เมื่อเวลา 21.35 น.วันที่ 15 พฤษภาคม 5.1 ริกเตอร์ โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.57 น.วันที่ 16 พฤษภาคม ด้วยความรุนแรงถึง 6.3 ริกเตอร์ ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและอาฟเตอร์ช็อคตามมากว่า 30 ครั้ง สร้างความเสียหายกับอาคารสูง บ้านเรือนราษฎร สถานที่ราชการที่มีลักษณะเป็นอาคารสูง ในพื้นที่เป็นวงกว้างหลายอำเภอ
หลังเกิดเหตุได้เกิดความตื่นตัวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในจังหวัดเชียงราย หลายแห่งที่มีการสั่งประชุมวางแผนหาทางรับมือภัยแผ่นดินไหวระดับรุนแรง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
นายทนง ดอนชัย รองนายกเทศมนตรีฝ่ายโยธาธิการ เทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่า ภัยแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความเสียหายในเขตเทศบาลนครเชียงรายหลายจุด มีอาคารเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย อาคารพาณิชย์ในย่านชุมชนการค้า เกิดรอยร้าว เทศบาลได้รับแจ้งจึงส่งวิศวกรเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบด้านโครงสร้าง ซึ่งภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นครั้งนี้นับว่ารุนแรงกว่าทุกๆครั้งในรอบหลายสิบปี โดยล่าสุดทางนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เรียกประชุมด่วนมีการนำเรื่องความเสียหายจากแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ เข้าสู่ที่ประชุมด้วย
นายทนง กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการเสนออกพระราชบัญญัติควบคุมอาคารสูงเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งหัวข้อดังกล่าว ผ่านมติที่ประชุมสภาฯ โดยมีการกำหนดโซนนิ่งพื้นที่ก่อสร้างอาคารสูง ว่าพื้นที่ใดบ้างในเขตเทศบาลนครเชียงราย สามารถอนุญาตให้สร้างอาคารขนาดสูงได้เท่าไหร่ โดยจะคำนึงถึงเรื่องการรองรับแผ่นดินไหวเป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้เทศบาลนครเชียงราย ได้มีคำสั่งให้มีการคุมเข้มเรื่องการออกแบบอาคารให้สามารถป้องกันแผ่นดินไหวมาหลายปี แต่ครั้งนั้นยังเป็นช่วงที่ยังไม่เกิดเหตุรุนแรงอย่างเช่นครั้งนี้
รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวอีกว่า และในส่วนของโรงแรมใหม่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีทั้งก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้าง เทศบาลได้คุมเข้มเรื่องโครงสร้าง ต้องให้ก่อสร้างโดยคำนึงถึง เรื่องการรองรับแผ่นดินไหวในระดับสูงได้เป็นลำดับแรก หากไม่มีการออกแบบตามที่กำหนดแล้ว จะไม่อนุญาตให้ก่อสร้างอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในอนาคตไม่มีใครทราบว่าแผ่นดินไหวในระดับมากกว่า 6.3 ริกเตอร์ จะเกิดขึ้นมาอีกกี่ครั้ง เพื่อไม่ประมาทจะต้องคุมเข้มตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ด้าน นายนวพล อุ่ยอุทัย นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.เวียง อ.เชียงของ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ อ.เชียงของ จึงทำให้หลายหน่วยงานไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบ หรือการวางแนวทางป้องกัน หรือรองรับภัยแผ่นดินไหวแต่อย่างใด แต่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ครั้งนี้ มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมากใน อ.เชียงของ ทางเทศบาลจะได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.กำหนดควบคุมอาคารสูง เน้นเรื่องการรองรับความแรงจากแผ่นดินไหวเป็นหลักเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้ตนมองว่า เป็นเรื่องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วภาคเหนือ ควรหันมาให้ความสนใจมากขึ้น เพราะแผ่นดินไหวเป็นเรื่องใกล้ตัว พร้อมสร้างความเสียให้เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่นับจากนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจังหวัดเชียงราย ได้ประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหว 2 ครั้งซ้อน คือ เมื่อเวลา 21.35 น.วันที่ 15 พฤษภาคม 5.1 ริกเตอร์ โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.57 น.วันที่ 16 พฤษภาคม ด้วยความรุนแรงถึง 6.3 ริกเตอร์ ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและอาฟเตอร์ช็อคตามมากว่า 30 ครั้ง สร้างความเสียหายกับอาคารสูง บ้านเรือนราษฎร สถานที่ราชการที่มีลักษณะเป็นอาคารสูง ในพื้นที่เป็นวงกว้างหลายอำเภอ
หลังเกิดเหตุได้เกิดความตื่นตัวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในจังหวัดเชียงราย หลายแห่งที่มีการสั่งประชุมวางแผนหาทางรับมือภัยแผ่นดินไหวระดับรุนแรง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
นายทนง ดอนชัย รองนายกเทศมนตรีฝ่ายโยธาธิการ เทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่า ภัยแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นนั้น สร้างความเสียหายในเขตเทศบาลนครเชียงรายหลายจุด มีอาคารเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย อาคารพาณิชย์ในย่านชุมชนการค้า เกิดรอยร้าว เทศบาลได้รับแจ้งจึงส่งวิศวกรเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบด้านโครงสร้าง ซึ่งภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นครั้งนี้นับว่ารุนแรงกว่าทุกๆครั้งในรอบหลายสิบปี โดยล่าสุดทางนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เรียกประชุมด่วนมีการนำเรื่องความเสียหายจากแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ เข้าสู่ที่ประชุมด้วย
นายทนง กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการเสนออกพระราชบัญญัติควบคุมอาคารสูงเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งหัวข้อดังกล่าว ผ่านมติที่ประชุมสภาฯ โดยมีการกำหนดโซนนิ่งพื้นที่ก่อสร้างอาคารสูง ว่าพื้นที่ใดบ้างในเขตเทศบาลนครเชียงราย สามารถอนุญาตให้สร้างอาคารขนาดสูงได้เท่าไหร่ โดยจะคำนึงถึงเรื่องการรองรับแผ่นดินไหวเป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้เทศบาลนครเชียงราย ได้มีคำสั่งให้มีการคุมเข้มเรื่องการออกแบบอาคารให้สามารถป้องกันแผ่นดินไหวมาหลายปี แต่ครั้งนั้นยังเป็นช่วงที่ยังไม่เกิดเหตุรุนแรงอย่างเช่นครั้งนี้
รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวอีกว่า และในส่วนของโรงแรมใหม่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีทั้งก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้าง เทศบาลได้คุมเข้มเรื่องโครงสร้าง ต้องให้ก่อสร้างโดยคำนึงถึง เรื่องการรองรับแผ่นดินไหวในระดับสูงได้เป็นลำดับแรก หากไม่มีการออกแบบตามที่กำหนดแล้ว จะไม่อนุญาตให้ก่อสร้างอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในอนาคตไม่มีใครทราบว่าแผ่นดินไหวในระดับมากกว่า 6.3 ริกเตอร์ จะเกิดขึ้นมาอีกกี่ครั้ง เพื่อไม่ประมาทจะต้องคุมเข้มตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ด้าน นายนวพล อุ่ยอุทัย นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.เวียง อ.เชียงของ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ อ.เชียงของ จึงทำให้หลายหน่วยงานไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบ หรือการวางแนวทางป้องกัน หรือรองรับภัยแผ่นดินไหวแต่อย่างใด แต่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ครั้งนี้ มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมากใน อ.เชียงของ ทางเทศบาลจะได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.กำหนดควบคุมอาคารสูง เน้นเรื่องการรองรับความแรงจากแผ่นดินไหวเป็นหลักเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้ตนมองว่า เป็นเรื่องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วภาคเหนือ ควรหันมาให้ความสนใจมากขึ้น เพราะแผ่นดินไหวเป็นเรื่องใกล้ตัว พร้อมสร้างความเสียให้เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่นับจากนี้