“พระ” สุรินทร์โผล่แจงหมดเปลือก-เบื้องหลังขนช้างบุกกรุง !

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พระ” สำนักสงฆ์หมู่บ้านช้างสุรินทร์ ออกโรงแจงยิบเบื้องหลังขนช้าง 99 เชือก บุกกรุงร่วมม็อบป่วนเมือง ต้านคดียุบพรรค-ดันบรรจุพุทธศาสนาใน “รธน.” อ้างทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เผย เป็นผู้จัดหาช้างเอง ยันเตรียมขนช้างเข้ากรุง เพื่อร่วมงานวันวิสาขบูชาโลก ปัดไม่เกี่ยวข้องชุมนุมประท้วงการเมือง หรือต่อต้านรัฐบาล-คมช.ส่วนกรณีขนช้าง 10 เชือก เพื่อร่วมงานวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารของ “วัดยานนาวา” ระบุ รัฐสั่งห้ามเคลื่อนย้ายช้างเด็ดขาด ทำชาวบ้านผู้เลี้ยงช้างเดือดร้อนหนัก ต้องยกเลิกรับงานทั้งหมดสูญรายได้

กรณีกระแสข่าวมีการเตรียมนำช้างจาก หมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ บ.ตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จำนวน 99 เชือก เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมือง ต่อต้านการพิพากษาคดียุบพรรคการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงผลักดันการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 30-31 พ.ค.นั้น

ล่าสุด วันนี้ (24 พ.ค.) พระอาจารย์หาญ ปัญญาธโร หัวหน้าสำนักสงฆ์ป่าอาเจียง บ.ตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีบทบาทในวงการคนเลี้ยงช้างสุรินทร์เป็นอย่างมาก และเป็นผู้ที่รับหน้าที่ในการระดมช้าง 99 เชือกเข้ากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า เรื่องที่มีการพูดถึงและมีการนำเสนอข่าวสารถึงการนำช้างจำนวน 99 เชือก เข้าไปในเขตกรุงเทพฯ เพื่อการชุมนุมประท้วงดังกล่าว

อาตมา มองว่า เป็นการเข้าใจกันผิดไปหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้มีการพูดถึงกันในที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันวิสาขบูชาโลก ปี 2550 ซึ่งมีการประชุมกันที่มหาจุฬาราชวิทยาลัย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15-17 พ.ค.ที่ผ่านมา

การประชุมดังกล่าว อาตมาได้เข้าร่วมประชุมด้วย และในที่ประชุมมีทั้งพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ญาติโยมผู้ใหญ่ ที่เป็นคณะกรรมการจัดงานฯ มีการพูดถึงการจัดงานวันวิสาขบูชาโลก ปีนี้ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ที่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งคณะกรรมการจัดงานฯ เห็นว่า ปีนี้เป็นปีมหามงคลองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา การจัดงานวันวิสาขบูชาโลกในปีนี้จึงสมควรจัดให้ยิ่งใหญ่

คณะกรรมการจัดงานฯ จึงได้ถามอาตมา ว่า จะสามารถหาช้างจำนวน 99 เชือก เข้าร่วมแห่ในขบวนธรรมยาตราเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกจากมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ไปยังพุทธมณฑลได้หรือไม่ โดยจะมีการประดับตกแต่งช้างทั้ง 99 เชือกอย่างสวยงาม ทั้งการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร ธงราชวัตร และขบวนแห่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาตมา ก็ตอบว่า “ได้”

คณะกรรมการจัดงานฯ ถามต่อว่า มีค่าใช้จ่ายอย่างไร อาตมา ก็บอกว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าขนส่งช้างขึ้นรถบรรทุกจากจังหวัดสุรินทร์ มาร่วมงานที่ พุทธมณฑล อยู่ที่เชือกละ 13,000 บาท ส่วนค่าแรงของควาญช้างและอาหารช้างนั้น แล้วแต่จะพิจารณาให้

คณะกรรมการจัดงานฯจึงตกลงเห็นชอบในเบื้องต้น ให้อาตมารวบรวมช้างเพื่อนำไปร่วมงานในวันวิสาขบูชาโลก ที่ พุทธมณฑล ในวันที่ 31 พ.ค.นี้
เรื่องที่มีการประชุมและพูดถึงกันในที่ประชุมก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้บอกว่า จะมีการนำช้างไปร่วมชุมนุมประท้วงรัฐบาล คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หรือชุมนุมต่อต้านคดียุบพรรคการเมือง หรือเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

“อาตมายังกลับมาบอกบรรดาควาญช้าง ให้เตรียมตัวเดินทางไปร่วมงานระดับโลกที่พุทธมณฑล เพราะเป็นโอกาสดีที่ช้างจังหวัดสุรินทร์จะได้ร่วมงานที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้ช้างจังหวัดสุรินทร์ เป็นเกียรติประวัติครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้เลี้ยงช้างและควาญช้าง ซึ่งควาญช้างบางคนเร่งไถ่นาหว่านข้าว ให้เสร็จก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะเกิดการเข้าใจผิดกันไปมากถึงขนาดนี้” พระอาจารย์หาญ กล่าว

พระอาจารย์หาญ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่า การนำช้างเข้ากรุงเทพฯครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอำเภอ มาสอบถามอาตมา แถมยังบอกว่า เป็นการแอบอ้างการจัดงานวันวิสาขบูชาโลก ที่พุทธมณฑล เพื่อนำช้างเข้าไปประท้วงรัฐบาล และ คมช.

ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะในแต่ละวันช้างต้องกินอาหารจำนวนมาก และเมื่อช้างร้อนหรือหิวจะบังคับมันไม่อยู่ แล้วจะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก และที่สำคัญ ช้างจังหวัดสุรินทร์เป็นช้างเลี้ยงในบ้านในครัวเรือน ครวญช้างเขารักช้างเหมือนคนในครอบครัว ไม่มีใครยอมนำช้างไปลำบากขนาดนั้น ส่วนการที่พวกเขานำช้างเข้าไปหากินกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นเพราะความจำเป็นต้องการหาเงินมาเลี้ยงทั้งคนและช้าง เพราะทั้งสองส่วนต้องอยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

แจงกรณีช้าง 10 เชือกเตรียมร่วมงานวัดยานนาวา

ส่วนอีกเรื่องที่มีการกล่าวหา ว่า อาตมาหลอกควาญช้างให้นำช้างเข้ากรุงเทพฯ แต่ควาญช้างไม่ยอมไป โดยเฉพาะกรณีผู้ใหญ่บ้านโพนเงิน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นั้น อาตมาได้ติดต่อไปจริง โดยมีหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพฯ เพื่อขอนำช้างจำนวน 10 เชือก เข้าไปร่วมงาน ในการวางศิลาฤกษ์ อาคาร 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีค่าขนส่งช้างให้เท่ากัน คือ 13,000 บาทต่อเชือก ส่วนค่าแรงควาญช้างไม่มีการพูดถึงแล้วแต่เจ้าภาพจะพิจารณาให้

อาตมาได้ติดต่อไปยังควาญช้างที่บ้านโพนเงิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านช้างจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำช้าง จำนวน 2 เชือกจากหมู่บ้านนี้ ร่วมกับช้างที่บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ อีก 8 เชือก รวมเป็น 10 เชือก ไปร่วมงานในการแห่ขบวนวางศิลาฤกษ์ อาคาร 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ (24 พ.ค.) แต่ทางเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้โทรศัพท์มายกเลิกก่อนที่จะมีเรื่องที่กล่าวหา การนำช้างไปชุมนุมประท้วง ที่กรุงเทพฯ

“ท่านเจ้าอาวาสวัดยานนาวา บอกเหตุผลของการยกเลิก ว่า สถานที่ของวัดคับแคบ กลัวว่า ช้างจะลำบาก ท่านก็เลยยกเลิกนำช้างไปร่วมงาน และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการประท้วงเรื่องการบรรจุพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติแต่อย่างใด แต่เข้าใจผิดกันไปยกใหญ่” พระอาจารย์หาญ กล่าว

พิษม็อบป่วนเมืองทำคนเลี้ยงช้างเดือดร้อนหนัก


พระอาจารย์หาญ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนชาวสุรินทร์ผู้เลี้ยงช้างเป็นอย่างมาก เพราะกระทบการเคลื่อนย้ายช้างไปร่วมงานที่ตกลงว่าจ้างกันไว้หลายแห่ง ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด เช่น ที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศ, จ.ขอนแก่น เพื่อไปร่วมแห่นาคในงานบวช ของลูกชายรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากขณะนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการไปยังหน่วยงานปศุสัตว์ ห้ามออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายช้างออกจากหมู่บ้าน และหากพบเห็นการเคลื่อนย้ายช้างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอย่างเด็ดขาด

“เมื่อทำกันขนาดนี้ เพียงเพราะความเข้าใจผิดแล้ว ประชาชนเจ้าของช้างและคราญช้างก็ลำบาก เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงรับงานหารายได้ของคนเลี้ยงช้าง ทั้งงานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ และการฉลองตำแหน่งต่างๆ แต่เหตุการณ์เข้าใจกันผิดนี้ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนเลี้ยงช้างเป็นอย่างมาก ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน” พระอาจารย์หาญ กล่าวในตอนท้าย