ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อน และเซลล์ต้นกำเนิด ม.สุรนารี และฟาร์มเอกชนที่เชียงใหม่ประสบความสำเร็จ ในการโคลนนิงวัวพันธุ์ขาวลำพูน ตัวแรกในประเทศไทย ชี้ ส่งผลดีในการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ เนื่องจากเป็นวัวพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือลักษณะดีหายาก ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระโค ในการประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เผยเตรียมต่อยอดงานวิจัยนำไปใช้ขยายพันธุ์ “กระทิง” สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์
ทีมงานวิจัยของศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และช่างรุ่งฟาร์ม (RJ Ranch) กิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนานำเทคโนโลยีการโคลนนิง มาใช้ในการขยายพันธุ์วัวพันธุ์ขาวลำพูน ซึ่งเป็นวัวพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือ ที่กำลังลดจำนวนลงเรื่อยๆ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระโคในการประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ล่าสุด ได้ลูกวัวพันธุ์ขาวลำพูนตัวแรกที่เกิดจากการโคลนนิงแล้ว ชื่อ “ขาวมงคล” หลังจากทั้งสองฝ่ายร่วมกันวิจัยพัฒนามาตั้งแต่ปี 2548
ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า ลูกวัวพันธุ์ขาวลำพูนตัวแรกที่เกิดจากการโคลนนิงนี้ ได้จากการเก็บเซลล์ใบหูของพ่อพันธุ์วัวขาวลำพูน ชื่อ “ดอยอินทนนท์ หมายเลข RJ 888” ของช่างรุ่งฟาร์ม ซึ่งมีลักษณะและพันธุกรรมดีเยี่ยม เคยได้รับรางวัลแกรนด์แชมป์และถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานวันเกษตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี 2548
โดยนำไปเพาะเลี้ยงทำธนาคารเซลล์ เพื่อทำโคลนนิงในห้องทดลอง จากนั้นได้นำตัวอ่อนโคลนนิ่งย้ายไปฝากไว้ในมดลูกของวัวตัวรับของช่างรุ่งฟาร์มจำนวน 4 ตัว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2549 กระทั่งประสบความสำเร็จในการโคลนนิง มีลูกวัวพันธุ์ขาวลำพูนโคลนนิงตัวแรกในประเทศไทยเกิดมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2550 ซึ่งถึงปัจจุบันอายุประมาณ 2 เดือน และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีเยี่ยม
“ลูกวัวที่เกิดจากการโคลนนิงจะเหมือนกับวัวตัวต้นแบบทุกประการ โดยหากตัวต้นแบบเป็นเพศผู้ งบประมาณในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี จนสามารถโคลนนิงวัวพันธุ์ขาวลำพูนตั้งแต่แรกเริ่มจนประสบความสำเร็จใช้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ 4-5 แสนบาท แต่หลังจากนี้เราจะใช้ต้นทุนเพียงประมาณ 15,000 -20,000 บาทเท่านั้น ในการทำโคลนนิงลูกวัวออกมาหนึ่งตัว ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำมาก เพราะเป็นเทคโนโลยีของเราเอง” ดร.รังสรรค์ กล่าว
ทั้งนี้ จากความสำเร็จในครั้งนี้ ดร.รังสรรค์ ระบุว่า จะส่งผลดีในการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์วัวพันธุ์ขาวลำพูนได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันวัวสายพันธุ์นี้มีเหลืออยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 5,000 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้ มีวัวที่เป็นสายพันธุ์แท้มีลักษณะดีครบถ้วนเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น
ดังนั้น การนำเทคโนโลยีโคลนนิงมาช่วยจะเป็นผลดีอย่างยิ่งในการอนุรักษ์สายพันธุ์วัวพันธุ์ขาวลำพูนพันธุ์แท้ ที่มีลักษณะดีครบถ้วนไว้ได้ไม่ให้สูญพันธุ์ พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า วัวที่เกิดจากการโคลนนิ่งนั้น มีความแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนวัวที่เกิดตามธรรมชาติทุกประการ
นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดทราบว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา เตรียมประกาศรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เนื้อและนม ที่ได้จากวัวที่เกิดจากการโคลนนิ่งแล้วว่า ไม่แตกต่างจากวัวทั่วไป จึงน่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจได้
หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการโคลนนิงวัวมาแล้วหลายสายพันธุ์ ขณะนี้ทางทีมงานวิจัยของศูนย์ฯ กำลังเตรียมทำการศึกษาวิจัยพัฒนาถึงความเป็นไปได้ในการโคลนนิ่งกระทิง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ และเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวกับวัว
โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างทีมวิจัยของศูนย์ฯ กับสวนสัตว์เขาเขียว สวนสัตว์นครราชสีมา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเบื้องต้นมีการเก็บตัวอย่างเซลล์ใบหัวของพ่อพันธุ์กระทิงจากสวนสัตว์เขาเขียว ไปทำการเพาะเลี้ยงเซลล์แล้ว ก่อนที่จะนำตัวอ่อนไปฝากไว้ในมดลูกของวัวเลี้ยง เชื่อว่า น่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากในอนาคตอันใกล้นี้ และจะเป็นผลดีต่อการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าหายาก
ด้าน นายรุ่ง จันตาบุญ เจ้าของช่างรุ่งฟาร์ม และนายกสมาคมโคขาวลำพูนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วัวพันธุ์ขาวลำพูน เป็นวัวพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือที่มีลักษณะดี และได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระโคในการประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แต่ปัจจุบันวัวพันธุ์แท้ที่มีลักษณะครบถ้วนทุกประการหายาก และมีจำนวนเหลือน้อยมาก
ดังนั้น การโคลนนิงจึงน่าจะเป็นวิธีในการช่วยอนุรักษ์สายพันธุ์วัวขาวลำพูน ให้คงอยู่ตลอดไปได้ ทั้งนี้นอกจากการอนุรักษ์แล้ว ในขณะเดียวกัน ยังจะได้มีการพัฒนาสายพันธุ์อีกด้วย เพื่อให้สามารถแข่งขัน และมีชื่อเสียงทัดเทียมกับโคสายพันธุ์ต่างประเทศ เช่น วัวโกเบ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยและพัฒนา ซึ่งเชื่อมั่นว่าน่าจะประสบความสำเร็จ โดยอย่างน้อยน่าจะสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อวัวปลอดสารพิษได้