หนองคาย - เกษตรจังหวัดหนองคาย แนะผู้บริโภคที่ชื่นชอบรับประทานเห็ดป่า รู้จักวิธีสังเกตเห็ดพิษป้องกันอันตราย กินพลาดมีสิทธิตาย หากมีอาการต้องสงสัยให้ล้วงคออาเจียนแล้วรีบพบแพทย์
นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนและมักจะมีเห็ดเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก สังเกตได้ว่า ตามท้องตลาดมีเห็ดป่าวางขายให้ผู้บริโภคได้ซื้อไปรับประทาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้บริโภคควรสังเกตและเลือกเห็ดที่ปลอดภัยไม่ใช่เห็ดพิษ ซึ่งสามารถสังเกตและเลือกได้ด้วยตนเอง รวมถึงผู้ที่เก็บเห็ดทานเองก็ควรรู้ว่าเห็ดชนิดใดรับประทานได้ และเห็ดชนิดใดมีพิษ
สำหรับการสังเกตเห็ดพิษนั้น ให้สังเกตสีของเห็ด หากมีสีสวย สีเข้มชัด เช่น สีแดง สีส้ม สีดำ เหล่านี้เป็นเห็ดพิษ ยกเว้นเห็ดหูหนูซึ่งมีสีดำอยู่แล้ว เนื่องจากเห็ดไม่มีพิษส่วนใหญ่จะมีสีขาวหรือสีเหลืองนวล, สังเกตบริเวณแผ่นหรือเกล็ด หากขรุขระบนหมวกเห็ดให้สงสัยว่าเป็นพิษ เพราะเห็ดกินได้ตามธรรมชาติบนหมวกเห็ดจะราบเรียบ
ยิ่งหากเป็นขนมากๆ สีของขนพิสดารห้ามนำมารับประทานเด็ดขาด, สังเกตรอบวงแหวนที่ก้านเห็ด ซึ่งวงแหวนที่ก้านเห็ดเป็นสัญญาณอันตราย หากมีวงแหวนเป็นสีเทา มีขนปุกปุย นั่นคือเห็ดพิษ หรือหากมีกลิ่นประหลาด กลิ่นเหม็นออกจากมาเห็ด ก็ไม่ควรรับประทาน
ส่วนวิธีการทอดสอบว่าเป็นเห็ดพิษหรือไม่ ทำได้ด้วยการเอามีดคมๆ กรีดที่หมวกเห็ด ถ้ากรีดแล้วมียางไหลออกมาเป็นสีขาว หรือข้น ไม่ควรกิน หรือจะใช้ตะเกียบงาช้าง หรือช้อนเงิน จุ่มลงในหม้อเห็ดที่กำลังต้มอยู่ หากช้อนเงินเปลี่ยนเป็นสีดำ แสดงว่าเป็นเห็ดพิษ หรืออีกวิธีหนึ่งทดสอบด้วยการใช้หอมหัวใหญ่ใส่ลงในหม้อต้มเห็ด หากเห็ดเป็นพิษหอมหัวใหญ่จะมีสีน้ำเงินหรือสีน้ำตาลทันที
เกษตรจังหวัดหนองคาย ยังกล่าวอีกว่า พิษของเห็ดนั้นมีอาการแบ่งได้ 2 ระบบ คือ ระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายท้อง ซึ่งถ้าถ่ายมากๆ ก็จะอ่อนเพลีย ช็อค เนื่องจากการขาดน้ำ และระบบประสาท มีอาการซึม หรือเพ้อคลั่ง เอะอะ อาละวาด ชัก เกร็ง หมดสติ ตามแต่อาการ
ส่วนมากจะตายเพราะพิษของเห็ดกดระบบสมอง ประสาททำให้การหายใจและระบบหมุนเวียนของเลือดล้มเหลว หากว่าผู้บริโภครับประทานเห็ดพิษเข้าไปให้รีบทำให้อาเจียนแล้วพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน
นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนและมักจะมีเห็ดเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก สังเกตได้ว่า ตามท้องตลาดมีเห็ดป่าวางขายให้ผู้บริโภคได้ซื้อไปรับประทาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้บริโภคควรสังเกตและเลือกเห็ดที่ปลอดภัยไม่ใช่เห็ดพิษ ซึ่งสามารถสังเกตและเลือกได้ด้วยตนเอง รวมถึงผู้ที่เก็บเห็ดทานเองก็ควรรู้ว่าเห็ดชนิดใดรับประทานได้ และเห็ดชนิดใดมีพิษ
สำหรับการสังเกตเห็ดพิษนั้น ให้สังเกตสีของเห็ด หากมีสีสวย สีเข้มชัด เช่น สีแดง สีส้ม สีดำ เหล่านี้เป็นเห็ดพิษ ยกเว้นเห็ดหูหนูซึ่งมีสีดำอยู่แล้ว เนื่องจากเห็ดไม่มีพิษส่วนใหญ่จะมีสีขาวหรือสีเหลืองนวล, สังเกตบริเวณแผ่นหรือเกล็ด หากขรุขระบนหมวกเห็ดให้สงสัยว่าเป็นพิษ เพราะเห็ดกินได้ตามธรรมชาติบนหมวกเห็ดจะราบเรียบ
ยิ่งหากเป็นขนมากๆ สีของขนพิสดารห้ามนำมารับประทานเด็ดขาด, สังเกตรอบวงแหวนที่ก้านเห็ด ซึ่งวงแหวนที่ก้านเห็ดเป็นสัญญาณอันตราย หากมีวงแหวนเป็นสีเทา มีขนปุกปุย นั่นคือเห็ดพิษ หรือหากมีกลิ่นประหลาด กลิ่นเหม็นออกจากมาเห็ด ก็ไม่ควรรับประทาน
ส่วนวิธีการทอดสอบว่าเป็นเห็ดพิษหรือไม่ ทำได้ด้วยการเอามีดคมๆ กรีดที่หมวกเห็ด ถ้ากรีดแล้วมียางไหลออกมาเป็นสีขาว หรือข้น ไม่ควรกิน หรือจะใช้ตะเกียบงาช้าง หรือช้อนเงิน จุ่มลงในหม้อเห็ดที่กำลังต้มอยู่ หากช้อนเงินเปลี่ยนเป็นสีดำ แสดงว่าเป็นเห็ดพิษ หรืออีกวิธีหนึ่งทดสอบด้วยการใช้หอมหัวใหญ่ใส่ลงในหม้อต้มเห็ด หากเห็ดเป็นพิษหอมหัวใหญ่จะมีสีน้ำเงินหรือสีน้ำตาลทันที
เกษตรจังหวัดหนองคาย ยังกล่าวอีกว่า พิษของเห็ดนั้นมีอาการแบ่งได้ 2 ระบบ คือ ระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายท้อง ซึ่งถ้าถ่ายมากๆ ก็จะอ่อนเพลีย ช็อค เนื่องจากการขาดน้ำ และระบบประสาท มีอาการซึม หรือเพ้อคลั่ง เอะอะ อาละวาด ชัก เกร็ง หมดสติ ตามแต่อาการ
ส่วนมากจะตายเพราะพิษของเห็ดกดระบบสมอง ประสาททำให้การหายใจและระบบหมุนเวียนของเลือดล้มเหลว หากว่าผู้บริโภครับประทานเห็ดพิษเข้าไปให้รีบทำให้อาเจียนแล้วพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน